๑. ภัทรฆฏเภทกชาดก คนโง่เขลาเดือดร้อนภายหลัง [๔๗๒] นักเลงได้หม้อสารพัดนึกอันเป็นยอดทรัพย์ใบหนึ่ง ยังรักษาหม้อนั้นไว้ ได้ตราบใด เขาก็จะได้รับความสุขอยู่ตราบนั้น. [๔๗๓] เมื่อใด เขาประมาท และเย่อหยิ่ง ได้ทำลายหม้อให้แตก เพราะความ ประมาท เมื่อนั้น ก็เป็นคนเปลือย และนุ่งผ้าเก่า เป็นคนโง่เขลา ย่อม เดือดร้อนในภายหลัง. [๔๗๔] คนผู้ประมาทโง่เขลา ได้ทรัพย์มาแล้วย่อมใช้สอย จะต้องเดือดร้อนใน ภายหลัง เหมือนนักเลงทุบหม้อยอดทรัพย์เสีย ฉะนั้น.จบ ภัทรฆฏเภทกชาดกที่ ๑. ๒. สุปัตตชาดก ว่าด้วยนางกาแพ้ท้อง [๔๗๕] ข้าแต่มหาราช พระยากาชื่อสุปัตตะ เป็นกาอยู่ในเมืองพาราณสี อันกา- แปดหมื่นแวดล้อมแล้ว. [๔๗๖] นางกาสุปัสสาภรรยาของพระยากานั้นแพ้ท้อง ปรารถนาจะกินพระ กระยาหารมีค่ามาก ที่คนหุงต้มแล้วในห้องเครื่อง. [๔๗๗] ข้าพระบาทเป็นทูตของพระยากาทั้งสองนั้น ถูกนายใช้ให้มาจึงได้เป็นผู้มา ในที่นี้ ข้าพระบาทจะกระทำความจงรักต่อเจ้านาย จึงได้จิกจมูกของคน เชิญเครื่องให้เป็นแผล.จบ สุปัตตชาดกที่ ๒. ๓. กายนิพพินทชาดก ว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย [๔๗๘] เมื่อเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อัน ทุกข์เวทนาเบียดเบียนอยู่ ร่างกายนี้ก็ซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ดุจดอกไม้ ที่ทิ้งตากแดดไว้ที่ทราย ฉะนั้น. [๔๗๙] รูปร่างอันไม่น่าพอใจถึงการนับว่า น่าพอใจ ที่ไม่สะอาดสมมติว่า เป็น ของสะอาด เต็มด้วยซากศพต่างๆ ปรากฏแก่คนพาลผู้ไม่พิจารณาเห็นว่า เป็นของน่าพอใจ. [๔๘๐] น่าติเตียนกายอันเปื่อยเน่า กระสับกระส่าย น่าเกลียด ไม่สะอาด มี ความป่วยไข้เป็นธรรมดา เป็นที่ๆ หมู่สัตว์ผู้ประมาทหมกมุ่นอยู่ ย่อม ยังหนทางเพื่อความเข้าถึงสุคติให้เสื่อมไป.จบ กายนิพพินทชาดกที่ ๓. ๔. ชัมพุขาทกชาดก ว่าด้วยการสรรเสริญกันและกัน [๔๘๑] ใครนี่ มีเสียงอันไพเราะเพราะพริ้ง อุดมกว่าสัตว์ผู้ที่มีเสียงเพราะทั้งหลาย จับอยู่ที่กิ่งชมพู่ ส่งเสียงร้องไพเราะดุจลูกนกยูง ฉะนั้น. [๔๘๒] กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูกรสหายผู้มีผิวพรรณคล้ายกับลูก- เสือโคร่ง เชิญท่านบริโภคเถิด เรายอมให้แก่ท่าน. [๔๘๓] ดูกรบุคคลผู้สรรเสริญกันและกัน เราได้เห็นคนพูดมุสา คือ กาผู้เคี้ยว กินของที่คนอื่นคายแล้ว และสุนัขจิ้งจอกผู้กินซากศพ มาประชุมกัน นานมาแล้ว.จบ ชัมพุขาทกชาดกที่ ๔. ๕. อันตชาดก ว่าด้วยที่สุด ๓ ประเภท [๔๘๔] ข้าแต่พระยาเนื้อ ร่างกายของท่านเหมือนของโคอุสุภราช ความองอาจ ของท่านเหมือนของสีหราช ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่ท่าน ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจึงจักได้อาหารสักหน่อย? [๔๘๕] กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูกรกาผู้มีสร้อยคองามดุจนกยูง เชิญท่านลงจากต้นละหุ่งมากินเนื้อให้สบายเถิด. [๔๘๖] บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นเลวที่สุด บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นเลวที่สุด บรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นเลวที่สุด ที่สุด ๓ ประเภทมารวมกันเอง.จบ อันตชาดกที่ ๕. ๖. สมุททชาดก ว่าด้วยสมุทรสาคร [๔๘๗] ใครนี้หนอ มาเที่ยววนเวียนอยู่ในน้ำทะเลอันเค็ม ย่อมห้ามปลา และ มังกรทั้งหลาย และย่อมเดือดร้อนในกระแสน้ำที่มีคลื่น? [๔๘๘] ข้าพเจ้าเป็นนกชื่อว่า อนันตปายี ปรากฏไปทั่วทิศว่า เป็นผู้ไม่อิ่ม เรา ปรารถนาจะดื่มน้ำ ในมหาสมุทรสาครใหญ่กว่าแม่น้ำทั้งหลาย. [๔๘๙] สมุทรสาครนี้พร่องก็ดี เต็มเปี่ยมอยู่ก็ดี ใครๆ จะดื่มน้ำในสมุทรสาคร นั้น ก็หาพร่องไปไม่ ได้ยินมาว่า สาครอันใครๆ ไม่อาจจะดื่มกิน ให้หมดสิ้นไปได้.จบ สมุททชาดกที่ ๖. ๗. กามวิลาปชาดก ว่าด้วยผู้พิลาปถึงกาม [๔๙๐] ดูกรนกผู้ปีกเป็นยาน บินทะยานไปในเวหา บินไปในอากาศอันสูง ท่านช่วยบอกกะภรรยาของข้าพเจ้าผู้มีลำขาเสมอด้วยต้นกล้วยว่าข้าพเจ้าถูก เสียบอยู่บนหลาว ภรรยาของข้าพเจ้านั้น เมื่อไม่รู้ข่าวคราวอันนี้ ก็จัก- ทำการมาของข้าพเจ้าให้ล่าช้าไป. [๔๙๑] ภรรยาของข้าพเจ้านั้น ยังไม่รู้เหตุที่ข้าพเจ้าถูกเสียบหลาวและหอก นาง เป็นคนดุร้าย ก็จะโกรธข้าพเจ้า ความโกรธแห่งภรรยาของข้าพเจ้านั้น จะทำให้ข้าพเจ้าเดือดร้อนไปด้วย อนึ่ง หลาวนี้ อย่าทำให้ข้าพเจ้าเดือด- ร้อนเลย. [๔๙๒] หอกและเกราะนี้ ข้าพเจ้าเก็บไว้ที่หัวนอน อนึ่ง แหวนประดับนิ้วก้อย ที่ทำด้วยทองคำเนื้อสุก และผ้าแคว้นกาสีเนื้ออ่อน ข้าพเจ้าก็เก็บไว้ที่ หัวนอน ขอภรรยาที่รักของข้าพเจ้า ผู้มีความต้องการทรัพย์ จงยินดี ด้วยทรัพย์นี้เถิด.จบ กามวิลาปชาดกที่ ๗. ๘. อุทุมพรชาดก ผู้อ่อนน้อมชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม [๔๙๓] ต้นมะเดื่อ ต้นไทร และต้นมะขวิดนี้ มีผลสุกแล้ว เชิญท่านออกมา กินเสียเถิด จะยอมตายเพราะความหิวโหยทำไม? [๔๙๔] ผู้ใด ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้นั้นชื่อว่า เป็นผู้อิ่มแล้ว ไม่หวงแหน เหมือนข้าพเจ้าเคี้ยวกินผลไม้สุกจนอิ่มแล้ว ในวันนี้ ไม่หวงแหนผลไม้ ที่สุกแล้ว ฉะนั้น. [๔๙๕] ลิงเกิดในป่า พึงหลอกลวงลิงที่เกิดในป่า เพราะเหตุอันใด แม้ลิงหนุ่มเช่น ท่านก็ไม่พึงเชื่อเหตุอันนั้น ลิงผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่าชราเช่นข้าพเจ้า ไม่พึง เชื่อถือเลย.จบ อุทุมพรชาดกที่ ๘. ๙. โกมาริยปุตตชาดก ว่าด้วยผู้ไกลจากภูมิฌาน [๔๙๖] เจ้าลิง เมื่อก่อน เจ้าเคยโลดเต้นเล่นในสำนัก เราผู้คะนองเล่นเป็นปกติ เจ้าจะกระทำอาการโลดเต้นอย่างไรมาก่อน บัดนี้ เราไม่ชื่นชมยินดีอาการ นั้นของเจ้าแล้ว. [๔๙๗] ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูง เราได้ฟังมาจากอาจารย์ชื่อโกมาริยบุตร ผู้เป็นพหูสูต บัดนี้ ท่านอย่าเข้าใจเราว่าเหมือนแต่ก่อน ดูกรท่านผู้มีอายุ เราประกอบไปด้วยฌานอยู่ทั้งนั้น. [๔๙๘] เจ้าลิงเอ๋ย ถ้าแม้บุคคลจะพึงหว่านพืชลงที่แผ่นหิน ถึงฝนจะตกลงมา พืชนั้นก็งอกงามขึ้นไม่ได้แน่ ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูงนั้น ถึงเจ้า จะได้ฟังมาแล้ว เจ้าก็ยังเป็นผู้ไกลจากภูมิฌานมากนัก.จบ โกมาริยปุตตชาดกที่ ๙. ๑๐. พกชาดก ว่าด้วยการทำลายตบะ [๔๙๙] หมาป่าตัวมีเนื้อและเลือดเป็นอาหาร เป็นอยู่ได้ เพราะฆ่าสัตว์อื่น สมาทานวัตรแล้ว รักษาอุโบสถอยู่. [๕๐๐] ท้าวสักกะทรงทราบวัตรของหมาป่านั้นแล้ว จึงจำแลงเป็นแพะมา หมาป่า นั้นปราศจากตบะ ต้องการดื่มกินเลือดจึงวิ่งไปจะกินแพะ ได้ทำลายตบะ ธรรมเสียแล้ว. [๕๐๑] บุคคลบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้มีวัตรอันเลวทราม ในการสมาทานวัตร ย่อมทำตนให้เบา ดุจหมาป่าทำลายตบะของตน เพราะเหตุต้องการแพะ ฉะนั้น.จบ พกชาดกที่ ๑๐.
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ภัทรฆฏเภทกชาดก
ป้ายกำกับ:
ภัทรฆฏเภทกชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น