วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ภัทรฆฏเภทกชาดก

๑. ภัทรฆฏเภทกชาดก
คนโง่เขลาเดือดร้อนภายหลัง
             [๔๗๒] นักเลงได้หม้อสารพัดนึกอันเป็นยอดทรัพย์ใบหนึ่ง ยังรักษาหม้อนั้นไว้                           ได้ตราบใด เขาก็จะได้รับความสุขอยู่ตราบนั้น.              [๔๗๓] เมื่อใด เขาประมาท และเย่อหยิ่ง ได้ทำลายหม้อให้แตก เพราะความ                           ประมาท เมื่อนั้น ก็เป็นคนเปลือย และนุ่งผ้าเก่า เป็นคนโง่เขลา ย่อม                           เดือดร้อนในภายหลัง.              [๔๗๔] คนผู้ประมาทโง่เขลา ได้ทรัพย์มาแล้วย่อมใช้สอย จะต้องเดือดร้อนใน                           ภายหลัง เหมือนนักเลงทุบหม้อยอดทรัพย์เสีย ฉะนั้น.
จบ ภัทรฆฏเภทกชาดกที่ ๑.
๒. สุปัตตชาดก
ว่าด้วยนางกาแพ้ท้อง
             [๔๗๕] ข้าแต่มหาราช พระยากาชื่อสุปัตตะ เป็นกาอยู่ในเมืองพาราณสี อันกา-                           แปดหมื่นแวดล้อมแล้ว.              [๔๗๖] นางกาสุปัสสาภรรยาของพระยากานั้นแพ้ท้อง ปรารถนาจะกินพระ                           กระยาหารมีค่ามาก ที่คนหุงต้มแล้วในห้องเครื่อง.              [๔๗๗] ข้าพระบาทเป็นทูตของพระยากาทั้งสองนั้น ถูกนายใช้ให้มาจึงได้เป็นผู้มา                           ในที่นี้ ข้าพระบาทจะกระทำความจงรักต่อเจ้านาย จึงได้จิกจมูกของคน                           เชิญเครื่องให้เป็นแผล.
จบ สุปัตตชาดกที่ ๒.
๓. กายนิพพินทชาดก
ว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย
             [๔๗๘] เมื่อเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อัน                           ทุกข์เวทนาเบียดเบียนอยู่ ร่างกายนี้ก็ซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ดุจดอกไม้                           ที่ทิ้งตากแดดไว้ที่ทราย ฉะนั้น.              [๔๗๙] รูปร่างอันไม่น่าพอใจถึงการนับว่า น่าพอใจ ที่ไม่สะอาดสมมติว่า เป็น                           ของสะอาด เต็มด้วยซากศพต่างๆ ปรากฏแก่คนพาลผู้ไม่พิจารณาเห็นว่า                           เป็นของน่าพอใจ.              [๔๘๐] น่าติเตียนกายอันเปื่อยเน่า กระสับกระส่าย น่าเกลียด ไม่สะอาด มี                           ความป่วยไข้เป็นธรรมดา เป็นที่ๆ หมู่สัตว์ผู้ประมาทหมกมุ่นอยู่ ย่อม                           ยังหนทางเพื่อความเข้าถึงสุคติให้เสื่อมไป.
จบ กายนิพพินทชาดกที่ ๓.
๔. ชัมพุขาทกชาดก
ว่าด้วยการสรรเสริญกันและกัน
             [๔๘๑] ใครนี่ มีเสียงอันไพเราะเพราะพริ้ง อุดมกว่าสัตว์ผู้ที่มีเสียงเพราะทั้งหลาย                           จับอยู่ที่กิ่งชมพู่ ส่งเสียงร้องไพเราะดุจลูกนกยูง ฉะนั้น.              [๔๘๒] กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูกรสหายผู้มีผิวพรรณคล้ายกับลูก-                           เสือโคร่ง เชิญท่านบริโภคเถิด เรายอมให้แก่ท่าน.              [๔๘๓] ดูกรบุคคลผู้สรรเสริญกันและกัน เราได้เห็นคนพูดมุสา คือ กาผู้เคี้ยว                           กินของที่คนอื่นคายแล้ว และสุนัขจิ้งจอกผู้กินซากศพ มาประชุมกัน                           นานมาแล้ว.
จบ ชัมพุขาทกชาดกที่ ๔.
๕. อันตชาดก
ว่าด้วยที่สุด ๓ ประเภท
             [๔๘๔] ข้าแต่พระยาเนื้อ ร่างกายของท่านเหมือนของโคอุสุภราช ความองอาจ                           ของท่านเหมือนของสีหราช ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่ท่าน ทำอย่างไร                           ข้าพเจ้าจึงจักได้อาหารสักหน่อย?              [๔๘๕] กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูกรกาผู้มีสร้อยคองามดุจนกยูง                           เชิญท่านลงจากต้นละหุ่งมากินเนื้อให้สบายเถิด.              [๔๘๖] บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นเลวที่สุด บรรดาปักษีทั้งหลาย                           กาเป็นเลวที่สุด บรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นเลวที่สุด ที่สุด ๓                           ประเภทมารวมกันเอง.
จบ อันตชาดกที่ ๕.
๖. สมุททชาดก
ว่าด้วยสมุทรสาคร
             [๔๘๗] ใครนี้หนอ มาเที่ยววนเวียนอยู่ในน้ำทะเลอันเค็ม ย่อมห้ามปลา และ                           มังกรทั้งหลาย และย่อมเดือดร้อนในกระแสน้ำที่มีคลื่น?              [๔๘๘] ข้าพเจ้าเป็นนกชื่อว่า อนันตปายี ปรากฏไปทั่วทิศว่า เป็นผู้ไม่อิ่ม เรา                           ปรารถนาจะดื่มน้ำ ในมหาสมุทรสาครใหญ่กว่าแม่น้ำทั้งหลาย.              [๔๘๙] สมุทรสาครนี้พร่องก็ดี เต็มเปี่ยมอยู่ก็ดี ใครๆ จะดื่มน้ำในสมุทรสาคร                           นั้น ก็หาพร่องไปไม่ ได้ยินมาว่า สาครอันใครๆ ไม่อาจจะดื่มกิน                           ให้หมดสิ้นไปได้.
จบ สมุททชาดกที่ ๖.
๗. กามวิลาปชาดก
ว่าด้วยผู้พิลาปถึงกาม
             [๔๙๐] ดูกรนกผู้ปีกเป็นยาน บินทะยานไปในเวหา บินไปในอากาศอันสูง                           ท่านช่วยบอกกะภรรยาของข้าพเจ้าผู้มีลำขาเสมอด้วยต้นกล้วยว่าข้าพเจ้าถูก                           เสียบอยู่บนหลาว ภรรยาของข้าพเจ้านั้น เมื่อไม่รู้ข่าวคราวอันนี้ ก็จัก-                           ทำการมาของข้าพเจ้าให้ล่าช้าไป.              [๔๙๑] ภรรยาของข้าพเจ้านั้น ยังไม่รู้เหตุที่ข้าพเจ้าถูกเสียบหลาวและหอก นาง                           เป็นคนดุร้าย ก็จะโกรธข้าพเจ้า ความโกรธแห่งภรรยาของข้าพเจ้านั้น                           จะทำให้ข้าพเจ้าเดือดร้อนไปด้วย อนึ่ง หลาวนี้ อย่าทำให้ข้าพเจ้าเดือด-                           ร้อนเลย.              [๔๙๒] หอกและเกราะนี้ ข้าพเจ้าเก็บไว้ที่หัวนอน อนึ่ง แหวนประดับนิ้วก้อย                           ที่ทำด้วยทองคำเนื้อสุก และผ้าแคว้นกาสีเนื้ออ่อน ข้าพเจ้าก็เก็บไว้ที่                           หัวนอน ขอภรรยาที่รักของข้าพเจ้า ผู้มีความต้องการทรัพย์ จงยินดี                           ด้วยทรัพย์นี้เถิด.
จบ กามวิลาปชาดกที่ ๗.
๘. อุทุมพรชาดก
ผู้อ่อนน้อมชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม
             [๔๙๓] ต้นมะเดื่อ ต้นไทร และต้นมะขวิดนี้ มีผลสุกแล้ว เชิญท่านออกมา                           กินเสียเถิด จะยอมตายเพราะความหิวโหยทำไม?              [๔๙๔] ผู้ใด ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้นั้นชื่อว่า เป็นผู้อิ่มแล้ว ไม่หวงแหน                           เหมือนข้าพเจ้าเคี้ยวกินผลไม้สุกจนอิ่มแล้ว ในวันนี้ ไม่หวงแหนผลไม้                           ที่สุกแล้ว ฉะนั้น.              [๔๙๕] ลิงเกิดในป่า พึงหลอกลวงลิงที่เกิดในป่า เพราะเหตุอันใด แม้ลิงหนุ่มเช่น                           ท่านก็ไม่พึงเชื่อเหตุอันนั้น ลิงผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่าชราเช่นข้าพเจ้า ไม่พึง                           เชื่อถือเลย.
จบ อุทุมพรชาดกที่ ๘.
๙. โกมาริยปุตตชาดก
ว่าด้วยผู้ไกลจากภูมิฌาน
             [๔๙๖] เจ้าลิง เมื่อก่อน เจ้าเคยโลดเต้นเล่นในสำนัก เราผู้คะนองเล่นเป็นปกติ                           เจ้าจะกระทำอาการโลดเต้นอย่างไรมาก่อน บัดนี้ เราไม่ชื่นชมยินดีอาการ                           นั้นของเจ้าแล้ว.              [๔๙๗] ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูง เราได้ฟังมาจากอาจารย์ชื่อโกมาริยบุตร                           ผู้เป็นพหูสูต บัดนี้ ท่านอย่าเข้าใจเราว่าเหมือนแต่ก่อน ดูกรท่านผู้มีอายุ                           เราประกอบไปด้วยฌานอยู่ทั้งนั้น.              [๔๙๘] เจ้าลิงเอ๋ย ถ้าแม้บุคคลจะพึงหว่านพืชลงที่แผ่นหิน ถึงฝนจะตกลงมา                           พืชนั้นก็งอกงามขึ้นไม่ได้แน่ ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูงนั้น ถึงเจ้า                           จะได้ฟังมาแล้ว เจ้าก็ยังเป็นผู้ไกลจากภูมิฌานมากนัก.
จบ โกมาริยปุตตชาดกที่ ๙.
๑๐. พกชาดก
ว่าด้วยการทำลายตบะ
             [๔๙๙] หมาป่าตัวมีเนื้อและเลือดเป็นอาหาร เป็นอยู่ได้ เพราะฆ่าสัตว์อื่น                           สมาทานวัตรแล้ว รักษาอุโบสถอยู่.              [๕๐๐] ท้าวสักกะทรงทราบวัตรของหมาป่านั้นแล้ว จึงจำแลงเป็นแพะมา หมาป่า                           นั้นปราศจากตบะ ต้องการดื่มกินเลือดจึงวิ่งไปจะกินแพะ ได้ทำลายตบะ                           ธรรมเสียแล้ว.              [๕๐๑] บุคคลบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้มีวัตรอันเลวทราม                           ในการสมาทานวัตร ย่อมทำตนให้เบา ดุจหมาป่าทำลายตบะของตน                           เพราะเหตุต้องการแพะ ฉะนั้น.
จบ พกชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น