๑. ทีฆีติโกสลชาดก ว่าด้วยเวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร [๘๐๓] ข้าแต่พระราชา เมื่อพระองค์ตกอยู่ในอำนาจของข้าพระองค์อย่างนี้แล้ว เหตุอันใดอันหนึ่งที่จะทำให้พระองค์พ้นจากทุกข์ได้ มีอยู่หรือ? [๘๐๔] พ่อเอ๋ย เมื่อฉันตกอยู่ในอำนาจของท่านถึงอย่างนี้แล้ว เหตุอันใดอัน หนึ่งที่จะทำให้ฉันพ้นจากทุกข์ได้ ไม่มีเลย. [๘๐๕] ข้าแต่พระราชา เว้นสุจริต และวาจาสุภาษิตเสีย เหตุอย่างอื่นจะป้อง กันได้ในเวลาใกล้มรณกาล ไม่มีเลย ทรัพย์นอกนี้ก็เหมือนกันแหละ. [๘๐๖] ชนเหล่าใด เข้าไปผูกเวรว่า คนนี้ได้ด่าเรา คนนี้ได้ฆ่าเรา คนนี้ได้ชนะ เรา คนนี้ได้ลักของๆ เรา เวรของชนเหล่านั้น ย่อมไม่สงบ ส่วนชน เหล่าใด ไม่เข้าไปผูกเวรว่า คนนี้ได้ด่าเรา คนนี้ได้ฆ่าเรา คนนี้ได้ชนะ เรา คนนี้ได้ลักของๆ เรา เวรของชนเหล่านั้น ย่อมสงบ. [๘๐๗] ในกาลไหนๆ เวรในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวรเลย แต่ย่อมระงับ ได้ด้วยความไม่มีเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า.จบ ทีฆีติโกสลชาดกที่ ๑. ๒. มิคโปตกชาดก คำพูดที่ทำให้หายเศร้าโศก [๘๐๘] การที่ท่านเศร้าโศกถึงลูกเนื้อผู้ละไปแล้ว เป็นการไม่สมควรแก่ท่านผู้ หลีกออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต สงบระงับ. [๘๐๙] ดูกรท้าวสักกะ ความรักของมนุษย์ หรือเนื้อ ย่อมเกิดขึ้นในใจ เพราะ อยู่ร่วมกันมา มนุษย์ หรือเนื้อนั้น อาตมภาพไม่สามารถที่จะไม่เศร้าโศก ถึงได้. [๘๑๐] ชนเหล่าใด มาร้องไห้รำพัน บ่นเพ้อถึงผู้ตายไปแล้ว และผู้จะตายอยู่ ณ บัดนี้ การร้องไห้ของชนเหล่านั้น สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวว่า เปล่า จากประโยชน์ ดูกรฤาษี เพราะฉะนั้น ท่านอย่าร้องไห้เลย. [๘๑๑] ดูกรพราหมณ์ ผู้ที่ตายไปแล้ว ละไปแล้ว หากจะพึงกลับเป็นขึ้นได้ เพราะการร้องไห้ เราก็จะประชุมกันทั้งหมดร้องไห้ ถึงพวกญาติของ กันและกัน. [๘๑๒] มหาบพิตร มารดอาตมภาพผู้เดือดร้อนยิ่งนักให้หายร้อน ดับความกระ วนกระวายได้ทั้งสิ้น เหมือนบุคคลเอาน้ำรดไฟติดที่เปรียงให้ดับ ฉะนั้น มหาบพิตรมาถอนลูกศรคือความโศกที่เสียบแน่นอยู่ในหทัยของอาตมภาพ ออกได้แล้วหนอ เมื่ออาตมภาพถูกความโศกครอบงำ มหาบพิตรก็ได้ บรรเทาความโศกถึงบุตรเสียได้ ดูกรท้าววาสวะ อาตมภาพเป็นผู้ถอนลูก ศรออกได้แล้ว ปราศจากความเศร้าโศก ไม่มีความมัวหมอง อาตมาภาพจะไม่เศร้าโศกร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของมหาบพิตร.จบ มิคโปตกชาดกที่ ๒. ๓. มูสิกชาดก ควรเรียนทุกอย่างแต่ไม่ควรใช้ทุกอย่าง [๘๑๓] คนบ่นพร่ำอยู่ว่า นางทาสีชื่อมูสิกาไปไหนๆ เราคนเดียวเท่านั้นรู้ว่า นางทาสีชื่อมูสิกา ตายอยู่ในบ่อน้ำ. [๘๑๔] เหตุใด ท่านจึงคิดอย่างนี้ ลามองหาโอกาสจะประหารทางนี้ๆ กลับไป แล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงรู้ว่า ท่านฆ่านางทาสีชื่อว่ามูสิกาตาย ทิ้งไว้ใน บ่อ วันนี้ ปรารถนาจะกินข้าวเหนียวอีกหรือ. [๘๑๕] แม่เจ้าผู้โง่เขลา เจ้ายังเป็นเด็กอ่อน ตั้งอยู่ในปฐมวัย มีผมดำสนิท มายืนถือท่อนไม้ยาวนี้อยู่ เราจะไม่ยอมยกชีวิตให้แก่เจ้า. [๘๑๖] เราเป็นผู้อันบุตรปรารถนาจะฆ่าเสีย ไม่ได้พ้นจากความตายวันนี้ เพราะ ภพในอากาศ หรือเพราะบุตรที่รักเปรียบด้วยอวัยวะเลย เราพ้นจาก ความตายเพราะคาถาที่อาจารย์ผูกให้. [๘๑๗] บุคคลควรเรียนวิชาที่ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเลว ดี หรือปานกลาง ก็ตาม บุคคลควรรู้ประโยชน์ของวิชาที่เรียนทุกอย่าง แต่ไม่ควรประ กอบทั้งหมด ศิลป ที่ศึกษาแล้วนำประโยชน์ให้ ในเวลาใด แม้เวลา เช่นนั้นย่อมมีแท้.จบ มูสิกชาดกที่ ๓. ๔. จุลลธนุคคหชาดก ว่าด้วยจุลลธนุคคหบัณฑิต [๘๑๘] ข้าแต่พราหมณ์ ท่านถือเอาห่อเครื่องประดับทั้งหมดข้ามฝั่งไปแล้ว ขอ จงรีบกลับมานำเอาฉันข้ามไปบัดนี้. [๘๑๙] แน่ะนางผู้เจริญ ท่านนับถือเราผู้อันท่านไม่เคยเชยชิด เสียกว่าสามีผู้ที่ เคยเชยชิดมานาน นับถือเราผู้ไม่ใช่ผัวเสียยิ่งกว่าผัว นางผู้เจริญจะ พึงนับถือผู้อื่นยิ่งกว่าเราอีก เราจักไปให้ไกลยิ่งกว่าที่นี้อีก. [๘๒๐] ใครที่มาทำการหัวเราะอยู่ในพุ่มตะไคร้น้ำ ในที่นี้ก็ไม่มีการฟ้อนรำ ขับร้อง หรือการดีดสีตีเป่า แน่ะนางงามผู้มีตะโพกอันผึ่งผาย ทำไมเจ้า จึงมาหัวเราะอยู่ในเวลาที่ควรร้องไห้? [๘๒๑] แน่ะสุนัขจิ้งจอกพาลผู้โง่เขลา ชาติชัมพุกะ เจ้าเป็นสัตว์มีปัญญาน้อย เสื่อมจากปลาและชิ้นเนื้อ ซบเซาอยู่ เหมือนคนกำพร้า. [๘๒๒] โทษของผู้อื่นเห็นได้ง่าย ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก เจ้านั่นแหละ เสื่อมจากผัว และชายชู้แล้ว ซบเซาแม้กว่าเราเสียอีก. [๘๒๓] แน่ะพระยาเนื้อชาติชัมพุกะ ท่านกล่าวอย่างใด ข้อนี้ก็เป็นอย่างนั้น ฉัน ไปจากที่นี้แล้ว จักเป็นหญิงอยู่ในอำนาจของผัว. [๘๒๔] ผู้ใด นำภาชนะดินไป ถึงผู้นั้นจะพึงนำภาชนะสำริดไป บาปที่เจ้าทำไว้ แล้วนั่นแหละ เจ้าจะทำอย่างนั้นอีก.จบ จุลลธนุคคหชาดกที่ ๔. ๕. กโปตกชาดก ว่าด้วยโภคะของมนุษย์ [๘๒๕] บัดนี้ เราเป็นสุข ไม่มีโรค นกพิราบผู้เหมือนหนามในหทัยบินไปแล้ว บัดนี้ เราจักกระทำความยินดีแห่งหทัย เพราะเหตุว่า ชิ้นเนื้อและแกง จะทำให้เราเกิดกำลัง. [๘๒๖] นกกระยางอะไรนี่ มีหงอน ขี้ขโมย เป็นปู่นก โลดเต้นอยู่ แน่ะนก กระยาง ท่านจงออกมาข้างนอกเสีย กาผู้เป็นสหายของเราดุร้าย. [๘๒๗] ท่านได้เห็นเรามีขนปีก อันพ่อครัวถอนแล้วทาด้วยน้ำข้าวเช่นนี้ ไม่ ควรจะมาหัวเราะเยาะเลย. [๘๒๘] ท่านอาบดีแล้ว ลูบไล้ดีแล้ว เอิบอิ่มไปด้วยข้าวและน้ำ และมีแก้ว ไพฑูรย์อยู่ที่คอ ได้ไปกชังคลประเทศมาหรือ? [๘๒๙] เราจะเป็นมิตร หรือมิใช่มิตรของท่านก็ตาม ท่านอย่าได้กล่าวว่า ท่าน ได้ไปยังกชังคลประเทศมาหรือ เพราะว่า ในกชังคลประเทศนั้น ชน ทั้งหลายถอนขนของเราออกแล้ว ผูกชิ้นกระเบื้องไว้ที่คอ. [๘๓๐] แน่ะสหาย ท่านจะประสบสภาพเห็นปานนี้อีก เพราะปกติของท่าน เป็นเช่นนั้น อันโภคะของพวกมนุษย์ไม่ใช่เป็นของที่นกจะกินได้ง่ายเลย.จบ กโปตกชาดกที่ ๕.
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ทีฆีติโกสลชาดก
ป้ายกำกับ:
ทีฆีติโกสลชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น