วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สังกัปปราคชาดก

๑. สังกัปปราคชาดก
ว่าด้วยลูกศรคือกิเลส
             [๓๕๒] อาตมภาพอันลูกศรที่อาบด้วยราคะดำริ อาศัยกามวิตก อันนายช่างศร                           ไม่ได้ตกแต่งขัดเกลาและเหลาเสี้ยม แทงเข้าแล้ว.              [๓๕๓] อาตมภาพมิได้ถูกลูกศรที่เขายกคันขึ้นยิงมา หรือที่ติดพู่หางนกยูงเสียบ                           แทงเลย แต่อาตมภาพถูกลูกศร คือ กิเลสเครื่องเผาอวัยวะทั้งปวงให้                           เร่าร้อน เสียบแทงที่หทัย.              [๓๕๔] แต่อาตมภาพไม่เห็นรอยแผล ไม่เห็นโลหิตไหลออกจากรอยแผลนั้น                           จิตที่ไม่มีอุบายอันแยบคาย ถูกลูกศรตรึงไว้แล้วอย่างมั่นคง อาตมภาพ                           นำความทุกข์มาให้แก่ตนเอง.
จบ สังกัปปราคชาดกที่ ๑.
๒. ติลมุฏฐิชาดก
การเฆี่ยนตีเป็นการสั่งสอน
             [๓๕๕] การที่ท่านให้จับแขนเราไว้แล้วเฆี่ยนตีด้วยซีกไม้ไผ่ เพราะเหตุเมล็ดงา                           กำมือหนึ่งนั้น ยังฝังอยู่ในใจของเราจนทุกวันนี้.              [๓๕๖] ดูกรพราหมณ์ ชะรอยท่านจะไม่ยินดีในชีวิตของตนแล้วสินะ จึงได้มา                           จับแขนแล้วเฆี่ยนตีเราถึง ๓ ครั้ง วันนี้ ท่านจะได้เสวยผลของกรรมนั้น.              [๓๕๗] อารยชนใด ย่อมข่มขี่คนที่ไม่ใช่อารยชน ผู้ทำกรรมชั่ว ด้วยอาชญา กรรม                           ของอารยชนนั้น เป็นการสั่งสอน หาใช่เป็นเวรไม่ บัณฑิตทั้งหลาย รู้ชัด                           ข้อนั้นอย่างนี้แล.
จบ ติลมุฏฐิชาดกที่ ๒.
๓. มณิกัณฐชาดก
ว่าด้วยขอสิ่งที่ไม่ควรขอ
             [๓๕๘] ข้าวและน้ำอันไพบูลย์ยิ่ง ย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า เพราะเหตุแก้วมณี                           ดวงนี้ ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น                           ใช่แต่เท่านั้น ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย.              [๓๕๙] ท่านขอแก้วมณีอันเกิดจากหินดวงนี้ ย่อมทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว                           เหมือนกับชายหนุ่มมีมือถือดาบอันลับแล้วที่แผ่นหิน มาทำให้ข้าพเจ้า                           หวาดเสียว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่ง                           ขอหนักขึ้น ใช่แต่เท่านั้น ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย.              [๓๖๐] บุคคลรู้ว่า สิ่งของอันใด เป็นที่รักของเขา ก็ไม่ควรขอสิ่งของอันนั้น                           บุคคลย่อมเป็นที่เกลียดชังเพราะขอจัด พระยานาคถูกพราหมณ์ขอ                           แก้วมณี ตั้งแต่นั้นก็มิได้มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย.
จบ มณิกัณฐชาดกที่ ๓.
๔. กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก
รู้ว่าเขาดีก็ต้องเลี้ยงให้สมดี
             [๓๖๑] ท่านเคยบริโภคหญ้าที่เป็นเดน เคยบริโภครำและข้าวตังมาแล้วจนเติบโต                           นี่เคยเป็นอาหารของท่านมาแล้ว เพราะเหตุไร บัดนี้ ท่านจึงไม่บริโภค                           เล่า?              [๓๖๒] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ในที่ใด ชนทั้งหลายไม่รู้จักสัตว์ โดยชาติ หรือโดย                           วินัย ในที่นั้น รำ และข้าวตังมีเป็นอันมาก.              [๓๖๓] ก็ท่านรู้จักข้าพเจ้าดีแล้วว่า ม้าตัวนี้ เป็นม้าอุดมเช่นไร ข้าพเจ้ารู้สึกตน                           อยู่ เพราะอาศัยท่านผู้รู้ จึงไม่บริโภครำของท่าน.
จบ กุณฑกกุจฉิสินธวชาดกที่ ๔.
๕. สุกชาดก
โทษของการไม่รู้ประมาณ
             [๓๖๔] ลูกนกแขกเต้าตัวนั้น รู้ประมาณในการบริโภคอยู่เพียงใด ก็ได้สืบอายุ                           และได้เลี้ยงมารดาบิดาอยู่เพียงนั้น.              [๓๖๕] อนึ่ง ในกาลใด ลูกนกแขกเต้านั้น กลืนกินโภชนะมากเกินไป ในกาล                           นั้น ก็ได้ชื่อว่า ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค จึงได้จมลงในมหาสมุทร                           นั้นเทียว.              [๓๖๖] เพราะฉะนั้น ความเป็นผู้รู้จักประมาณ คือ ความไม่หลงติดอยู่ใน                           โภชนะ เป็นความดี ด้วยว่า บุคคลใด ไม่รู้จักประมาณ ย่อมจมลงใน                           อบายทั้ง ๔ บุคคลผู้รู้จักประมาณแล ย่อมไม่จมลงในอบาย ๔.
จบ สุกชาดกที่ ๕.
๖. ชรูทปานชาดก
ขุดบ่อได้ทรัพย์กลับพินาศเพราะขุดเกิน
             [๓๖๗] พ่อค้าทั้งหลาย มีความต้องการด้วยน้ำ พากันขุดบ่อน้ำเก่า ได้แร่เหล็ก                           แร่ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว แก้วมณี เงิน ทอง แก้วมุกดา และแก้ว-                           ไพฑูรย์ เป็นอันมาก.              [๓๖๘] แต่พวกพ่อค้าเหล่านั้น ก็ไม่ได้ยินดีด้วยทรัพย์นั้น ได้พากันขุดให้ลึก                           ยิ่งขึ้นๆ ในบ่อน้ำนั้น มีพระยานาคมีพิษร้ายแรง มีเดช ได้ฆ่าพวกพ่อค้า                           เหล่านั้นเสียด้วยเดชแห่งพิษ.              [๓๖๙] เพราะฉะนั้น บุคคลพึงขุดบ่อน้ำเถิด แต่ไม่ควรขุดให้ลึกเกินไป เพราะ                           ว่า บ่อที่ขุดลึกเกินไปเป็นของลามก ทรัพย์ที่พวกพ่อค้าได้แล้วด้วยการ                           ขุด และชีวิตก็พินาศไป เพราะการที่ขุดลึกเกินไป.
จบ ชรูทปานชาดกที่ ๖.
๗. คามณิจันทชาดก
ลิงเป็นสัตว์ไม่รู้จักเหตุ
             [๓๗๐] สัตว์ตัวนี้ ไม่ฉลาดที่จะทำเรือน มีปกติหลุกหลิก หนังที่หน้าย่น พึง                           ประทุษร้ายของที่เขาทำไว้แล้ว ตระกูลสัตว์นี้ มีอย่างนั้นเป็นธรรมดา.              [๓๗๑] ขนอย่างนี้ ไม่ใช่ขนของสัตว์ที่มีความคิดฉลาด ลิงตัวนี้จะทำให้ผู้อื่น                           ยินดีไม่ได้ พระราชบิดาของเราทรงพระนามว่า ชนสันธนะ ได้ตรัส                           สอนไว้ว่า ธรรมดาลิงย่อมไม่รู้จักเหตุอันใดอันหนึ่ง.              [๓๗๒] สัตว์เช่นนั้น จะพึงเลี้ยงดูมารดาบิดา หรือพี่ชายพี่สาวของตนไม่ได้เลย                           คำสอนนี้ พระราชบิดาของเราได้ทรงสั่งสอนไว้อย่างนี้.
จบ คามณิจันทชาดกที่ ๗.
๘. มันธาตุราชชาดก
กามมีความสุขน้อยมีทุกข์มาก
             [๓๗๓] พระจันทร์ พระอาทิตย์ (ย่อมเวียนรอบเขาสิเนรุราช) ส่องรัศมีสว่างไสว                           ไปทั่วทิศโดยกำหนดที่เท่าใด สัตว์ทั้งหลายที่อาศัยแผ่นดินอยู่ในที่มี                           กำหนดเท่านั้น ล้วนเป็นทาสของพระเจ้ามันธาตุราชทั้งสิ้น.              [๓๗๔] ความอิ่มในกามทั้งหลาย ย่อมไม่มีด้วยฝนคือกหาปณะ กามทั้งหลายมี                           ความยินดีน้อย มีทุกข์มาก บัณฑิตรู้ชัดอย่างนี้.              [๓๗๕] พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมไม่ปรารถนาความยินดีในกาม                           ทั้งหลายที่เป็นทิพย์ เป็นผู้ยินดีแต่ความสิ้นไปแห่งตัณหาโดยแท้.
จบ มันธาตุราชชาดกที่ ๘.
๙. ติรีติวัจฉชาดก
ควรบูชาผู้มีพระคุณ
             [๓๗๖] กรรมอะไรๆ ที่สำเร็จด้วยวิชาของดาบสนี้มิได้มีเลย อนึ่ง ดาบสนั้น                           ไม่ใช่พระญาติพระวงศ์ ไม่ใช่พระสหายของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนั้น                           เพราะเหตุไร ติรีติวัจฉดาบสผู้มีมือถือไม้เท้า จึงบริโภคก้อนข้าวอันเลิศ?              [๓๗๗] เมื่อเรารบพ่ายแพ้โจร ตกอยู่ในฐานะอันตราย ติรีติวัจฉดาบสผู้นี้                           ได้กระทำความอนุเคราะห์แก่เราผู้เดียว ในป่าที่ไม่มีน้ำ น่าหวาดเสียว                           เมื่อเราได้รับความลำบากก็ได้พาดพะองให้ เพราะเหตุนั้น เราแม้ถูก                           ความทุกข์เบียดเบียนแล้วก็ขึ้นจากบ่อได้.              [๓๗๘] เรามาถึงเมืองนี้ได้โดยความยาก เพราะอานุภาพของติรีติวัจฉดาบสผู้นี้                           เราถึงจะเป็นอยู่ในมนุษยโลก ก็เหมือนกับไปปรโลกอันเป็นวิสัยของ                           มัจจุราช ลูกรัก ติรีติวัจฉดาบส เป็นผู้ควรแก่ปัจจัยลาภ ท่านทั้งหลาย                           จงพากันถวายของควรบริโภค และของควรบูชาแก่ท่านติรีติวัจฉดาบส                           เถิด.
จบ ติรีติวัจฉชาดกที่ ๙.
๑๐. ทูตชาดก
ทุกชีวิตเป็นทูตของท้อง
             [๓๗๙] สัตว์เหล่านี้ เป็นไปในอำนาจของตัณหา ย่อมไปสู่ประเทศอันไกล หวัง                           จะขอสิ่งของตามแต่จะได้ เพื่อประโยชน์แก่ท้องใด ข้าพระองค์เป็น                           ทูตของท้องนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ ขอพระองค์อย่าได้ทรง                           พิโรธแก่ข้าพระองค์เลย.              [๓๘๐] อนึ่ง มาณพทั้งหลาย ย่อมตกอยู่ในอำนาจของท้องใด ทั้งกลางวัน                           และกลางคืน ข้าพระองค์ก็เป็นทูตของท้องนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เป็น                           จอมทัพ ขอพระองค์อย่าได้ทรงพิโรธแก่ข้าพระองค์เลย.              [๓๘๑] ดูกรพราหมณ์ เราจะให้โคสีแดงแก่ท่านสักพันตัวพร้อมทั้งโคจ่าฝูงแก่ท่าน                           แม้เราและสัตว์ทั้งมวลก็ชื่อว่า เป็นทูตของท้องทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น                           เราก็เป็นทูต ไฉนจะไม่ให้สิ่งของแก่ท่านผู้เป็นทูตเล่า.
จบ ทูตชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น