วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กุฏิทูสกชาดก

๑. กุฏิทูสกชาดก
ว่าด้วยลิงกับนกขมิ้น
             [๕๘๒] ดูกรวานร ศีรษะ มือ และเท้าของท่านเหมือนของมนุษย์ เออก็ เพราะ                           เหตุไรหนอ ท่านจึงไม่มีเรือนอยู่?              [๕๘๓] ดูกรนกขมิ้น ศีรษะ มือ และเท้าของเราเหมือนของมนุษย์ก็จริง แต่                           ปัญญาที่บัณฑิตกล่าวว่า ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์ ของเราไม่มี.              [๕๘๔] ผู้มีจิตไม่มั่นคง มีจิตกลับกลอก มักประทุษร้ายมิตร มีปกติไม่ยั่งยืน                           เป็นนิจ ย่อมไม่มีความสุข.              [๕๘๕] ท่านจงกระทำอานุภาพ เปลี่ยนปกติเดิมเสียเถิด ดูกรวานร ท่านจง                           กระทำกระท่อมไว้เป็นเครื่องป้องกันความหนาว และลมเถิด.
จบ กุฏิทูสกชาดกที่ ๑.
๒. ทุททุภายชาดก
ว่าด้วยพวกกระต่ายตื่นตูม
             [๕๘๖] ขอความเจริญจงมีแก่ท่าน ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้น                           ทำเสียงว่า ทุททุภะ แม้ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้เสียงลั่นนั้นตรงไหนกัน อะไร                           ทำให้เกิดเสียงว่า ทุททุภะ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้อีก.              [๕๘๗] กระต่ายได้ยินผลมะตูมสุกหล่นมีเสียงว่า ทุททุภะ ก็วิ่งหนีไป หมู่เนื้อ                           ได้ฟังถ้อยคำของกระต่ายแล้ว พากันตกใจวิ่งหนีไปด้วย.              [๕๘๘] ชนเหล่าใด มักเชื่อตามเสียงคนอื่น ยังไม่ทันได้ถึงร่องรอยแห่งวิญญาณ                           เลย ชนเหล่านั้นนับว่า เป็นพาล มีความประมาทเป็นอย่างยิ่ง ดีแต่เชื่อ                           ผู้อื่น.              [๕๘๙] ส่วนชนเหล่าใด สมบูรณ์ด้วยศีล ด้วยปัญญา ยินดีในความสงบ ชน                           เหล่านั้นนับว่า เป็นบัณฑิต งดเว้นความชั่วห่างไกล ย่อมไม่เชื่อ                           คนอื่นเลย.
จบ ทุททุภายชาดกที่ ๒.
๓. พรหมทัตตชาดก
ว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ
             [๕๙๐] ดูกรมหาบพิตร ผู้ขอย่อมได้ ๒ อย่าง คือ ได้ทรัพย์ หรือไม่ได้ทรัพย์                           แท้จริง การขอมีอย่างนี้เป็นธรรมดา.              [๕๙๑] ดูกรมหาบพิตร ผู้เป็นใหญ่ในปัญจาลรัฐ บัณฑิตกล่าวถึงการขอว่า เป็น                           การร้องไห้ ผู้ใด ปฏิเสธคำขอ บัณฑิตกล่าวคำปฏิเสธของผู้นั้นว่า เป็น                           การร้องไห้ตอบ.              [๕๙๒] ชาวปัญจาลรัฐ ผู้มาประชุมกันแล้ว อย่าได้เห็นอาตมภาพผู้กำลังร้องไห้อยู่                           หรืออย่าได้เห็นพระองค์ผู้ทรงกรรแสงตอบอยู่ เพราะเหตุนั้น อาตมภาพ                           จึงปรารถนาขอเฝ้าในที่ลับ.              [๕๙๓] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้าขอถวายวัวแดงหนึ่งพันพร้อมด้วยวัวจ่าฝูง                           แก่ท่าน อันอารยชนได้ฟังคาถาอันประกอบด้วยเหตุผลของท่านแล้ว                           ทำไมจะไม่พึงให้แก่ท่านผู้เป็นอารยชนเล่า.
จบ พรหมทัตตชาดกที่ ๓.
๔. จัมมสาฏกชาดก
อย่าไว้ใจสัตว์หน้าขน
             [๕๙๔] แพะตัวนี้เป็นสัตว์ที่มีท่าทางงดงามดี เป็นที่เจริญใจ และมีศีล น่ารักใคร่                           ย่อมเคารพนบนอบพราหมณ์ ผู้สมบูรณ์ด้วยชาติและมนต์ทั้งหลาย นับ                           ได้ว่า เป็นแพะประเสริฐ มียศศักดิ์.              [๕๙๕] ดูกรพราหมณ์ ท่านอย่าได้ไว้วางใจแก่สัตว์ ๔ เท้า เพียงได้เห็นมันครู่                           เดียว มันต้องการจะชนให้ถนัด จึงย่อตัวลงจักชนให้ถนัดถนี่.              [๕๙๖] กระดูกขาของพราหมณ์ก็หัก บริขารที่หาบอยู่ก็พลัดตก สิ่งของก็แตก                           ทำลายหมด พราหมณ์ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่ว่า โธ่เอ๋ย แพะ                           มาฆ่าพรหมจารีได้.              [๕๙๗] ผู้ใด สรรเสริญบูชาคนที่ไม่ควรบูชา ผู้นั้น จะต้องถูกเขาห้ำหั่นนอนอยู่                           เหมือนกับเราผู้มีปัญญาทรามถูกแพะชนเอาในวันนี้.
จบ จัมมสาฏกชาดกที่ ๔.
๕. โคธชาดก
ว่าด้วยเหี้ยกับฤาษีปลอม
             [๕๙๘] เราสำคัญว่าท่านเป็นสมณะ จึงได้เข้ามาหาท่านผู้ไม่สำรวม ท่านได้ขว้าง                           เราด้วยท่อนไม้ เหมือนไม่ใช่สมณะ.              [๕๙๙] แน่ะท่านผู้โง่เขลา ประโยชน์อะไรด้วยชฎาแก่ท่าน ประโยชน์อะไรด้วย                           หนังเสือแก่ท่าน ภายในของท่านรุงรัง เกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก.              [๖๐๐] แน่ะเหี้ย ท่านจงกลับมาบริโภคข้าวสุกแห่งข้าวสาลีก่อนเถิด น้ำมัน                           เกลือ และดีปลีของเราก็มีมาก.              [๖๐๑] เราจะเข้าไปสู่จอมปลวก อันลึก ชั่วร้อยบุรุษ ยิ่งขึ้นดีกว่า น้ำมัน และ                           เกลือของท่านจะเป็นประโยชน์อะไร ดีปลีก็หาเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่                           เราไม่.
จบ โคธชาดกที่ ๕.
๖. กักการุชาดก
ว่าด้วยผู้ควรประดับดอกฟักทิพย์
             [๖๐๒] ผู้ใด ไม่ลักสิ่งของด้วยกาย ไม่พูดเท็จด้วยวาจา ได้รับยศแล้วไม่พึง                           มัวเมา ผู้นั้นแล ย่อมควรจะประดับดอกฟักทิพย์.              [๖๐๓] ผู้ใด แสวงหาทรัพย์มาได้โดยชอบธรรม ไม่ล่อลวงเอาทรัพย์เขามา ได้                           โภคทรัพย์แล้วก็ไม่มัวเมา ผู้นั้นแล ย่อมควรจะประดับดอกฟักทิพย์.              [๖๐๔] ผู้ใด มีจิตไม่จืดจางเร็ว และมีศรัทธาไม่คลายง่ายๆ ไม่บริโภคของดีๆ                           แต่ผู้เดียว ผู้นั้นแล ย่อมควรจะประดับดอกฟักทิพย์.              [๖๐๕] ผู้ใด ไม่บริภาษสัตบุรุษ ทั้งต่อหน้า หรือลับหลัง พูดอย่างใด ทำอย่าง                           นั้น ผู้นั้นแล ย่อมควรจะประดับดอกฟักทิพย์.
จบ กักการุชาดกที่ ๖.
๗. กากาติชาดก
ว่าด้วยนางกากี
             [๖๐๖] หญิงคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาจากที่แห่ง                           นั้นถึงที่นี่ ใจของเรายินดีในนางคนใด นางคนนั้น ชื่อกากาติ อยู่ไกล                           จากที่นี้ไป.              [๖๐๗] ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านข้ามแม่น้ำชื่อเกปุกะไปได้อย่างไร ท่าน                           ข้ามสมุทรทั้ง ๗ ไปได้อย่างไร ท่านขึ้นต้นงิ้วได้อย่างไร?              [๖๐๘] เราข้ามทะเลไปกับท่าน ข้ามแม่น้ำชื่อเกปุกะไปกับท่าน ข้ามสมุทรทั้ง ๗                           ไปกับท่าน ขึ้นต้นงิ้วไปกับท่าน.              [๖๐๙] น่าติเตียนตัวเราผู้มีกายใหญ่โต น่าติเตียนตัวเราผู้มีความสำนึกตัว เพราะ                           ว่า เราต้องนำมาบ้าง นำไปบ้าง ซึ่งชู้ของเมียตนเอง.
จบ กากาติชาดกที่ ๗.
๘. อนนุโสจิยชาดก
ทุกคนจะต้องตายควรเมตตากัน
             [๖๑๐] นางสัมมิลลหาสินีผู้เจริญ ได้ไปอยู่ในระหว่างพวกสัตว์ที่ตายไปแล้ว                           เป็นจำนวนมาก เมื่อนางไปอยู่กับสัตว์เหล่านั้น จักชื่อว่า ได้เป็นอะไร                           กับเรา เพราะฉะนั้น เราจึงมิได้เศร้าโศกถึงนางสัมมิลลหาสินีที่รักนี้.              [๖๑๑] ถ้าบุคคลจะพึงเศร้าโศก ถึงความตายอันจะไม่เกิดมีแก่สัตว์ ผู้เศร้าโศก                           นั้น ก็ควรจะเศร้าโศกถึงตนซึ่งจะต้องตกไปสู่อำนาจของมัจจุราชทุกเมื่อ.              [๖๑๒] สัตว์ที่ยืน นั่ง นอน หรือเดินอยู่ อายุสังขารหาได้เป็นไปตามด้วยไม่                           วัยย่อมเสื่อมไปทุกขณะที่หลับตาและลืมตา.              [๖๑๓] เพราะวัยเสื่อมไปอย่างนั้นหนอ อัตภาพย่อมบกพร่อง หนทางที่คนเดิน                           เมื่อต้องมีความพลัดพรากจากกันโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลือ                           อยู่ ควรมีเมตตาเอ็นดูกัน ส่วนที่ตายไปแล้ว ไม่ควรจะต้องเศร้าโศกถึง.
จบ อนนุโสจิยชาดกที่ ๘.
๙. กาฬพาหุชาดก
ว่าด้วยลิงหลอกเจ้า
             [๖๑๔] ในกาลก่อน เราได้ข้าวและน้ำอันใด จากสำนักพระราชา มาบัดนี้ ข้าว                           และน้ำนั้น มาขึ้นอยู่กับสาขมฤคหมด ดูกรพี่ราธะ บัดนี้ เราเป็นผู้อัน                           พระเจ้าธนญชัยไม่สักการะแล้ว พากันกลับไปป่าตามเดิมเถิด.              [๖๑๕] ดูกรน้องโปฏฐปาทะ ธรรมในหมู่มนุษย์เหล่านี้ คือ ลาภ ความเสื่อม-                           ลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ เป็น                           ของไม่เที่ยง เจ้าอย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลย จะเศร้าโศกเสียใจไปทำไม?              [๖๑๖] ดูกรพี่ราธะ คุณพี่เป็นบัณฑิตแท้ ย่อมรู้ถึงผลประโยชน์ทั้งหลายที่ยังไม่                           มาถึง ทำอย่างไรหนอ เราจะได้เห็นสาขมฤคผู้ลามก ถูกเขาขับไล่ออก                           จากราชสกุล.              [๖๑๗] ลิงกาฬพาหุ กระดิกหู และกลอกหน้ากลอกตา ทำให้พระราชกุมารทรง                           หวาดเสียวพระทัยอยู่เสมอๆ มันจะทำตัวของมันเองให้จำต้องห่างไกล                           จากข้าวและน้ำ.
จบ กาฬพาหุชาดกที่ ๙.
๑๐. สีลวีมังสชาดก
ว่าด้วยธรรมที่นำความสุขมาให้
             [๖๑๘] ได้ยินว่า ศีลแล เป็นความงาม ศีลเป็นเยี่ยมในโลก ขอพระองค์จง                           ทอดพระเนตรงูใหญ่ มีพิษร้าย ย่อมไม่เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยมารู้สึกตัวว่า                           เป็นผู้มีศีล.              [๖๑๙] นกตะกรุมทั้งหลายในโลก พากันล้อมจิกชิ้นเนื้อที่เหยี่ยวคาบอยู่ในปาก                           ชั่วเวลาที่มันคาบชิ้นเนื้อนิดหน่อยอยู่เท่านั้น หาได้เบียดเบียนคนที่ไม่มี                           ความกังวลไม่.              [๖๒๐] ผู้ไม่มีความหวัง ย่อมหลับเป็นสุข ความหวัง ย่อมเผล็ดผลเป็นสุขได้                           นางปิงคลาทาสี ได้ทำความหวังจนหมดหวังแล้ว จึงหลับเป็นสุขได้.              [๖๒๑] ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ธรรมอันจะนำความสุขมาให้ยิ่งไปกว่าสมาธิ                           ย่อมไม่มี ผู้มีจิตตั้งมั่น ย่อมไม่เบียดเบียนทั้งคนอื่น และตนเอง.
จบ สีลวีมังสชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น