๑. อสทิสชาดก ว่าด้วยอสทิสกุมาร [๒๑๑] เจ้าชายพระนามว่าอสทิสกุมาร เป็นนักธนู มีกำลังมาก ยิงธนูให้ไป ตกในที่ไกลๆ ได้ ยิงไม่ค่อยพลาด สามารถทำลายของกองใหญ่ๆ ได้. [๒๑๒] พระองค์ทรงทำการรบให้ข้าศึกทั้งปวงหนีไป แต่มิได้เบียดเบียนใครๆ เลย ทรงทำพระกนิฏฐภาดาให้มีความสวัสดีแล้ว ก็เข้าถึงความสำรวม.จบ อสทิสชาดกที่ ๑. ๒. สังคามาวจรชาดก ว่าด้วยช้างเข้าสงคราม [๒๑๓] ดูกรกุญชร ท่านปรากฏว่า เป็นผู้เคยเข้าสู่สงคราม มีความแกล้วกล้า มีกำลังมาก เข้ามาใกล้เขื่อนประตูแล้ว เหตุไรจึงถอยกลับเสียเล่า? [๒๑๔] ดูกรกุญชร ท่านจงหักล้างลิ่มกลอน ถอนเสาระเนียด และทำลาย เขื่อนทั้งหลายแล้ว เข้าประตูให้ได้โดยเร็วเถิด.จบ สังคามาวจรชาดกที่ ๒. ๓. วาโลทกชาดก ว่าด้วยน้ำหาง [๒๑๕] (พระราชาตรัสถามว่า) ความเมาย่อมเกิดแก่ลาทั้งหลาย เพราะดื่มกิน น้ำหาง มีรสน้อย เป็นน้ำเลว แต่ความเมาย่อมไม่เกิดแก่ม้าสินธพ เพราะดื่มกินน้ำมีรสอร่อย ประณีต. [๒๑๖] (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน สัตว์ผู้มี ชาติอันเลวทราม ดื่มกินน้ำมีรสน้อย อันรสนั้นถูกต้องแล้ว ย่อมเมา ส่วนสัตว์ผู้มีปกติทำธุระให้สำเร็จได้ เกิดในตระกูลสูง ดื่มกินรสอันเลิศ แล้ว ก็ไม่เมา.จบ วาโลทกชาดกที่ ๓. ๔. คิริทัตตชาดก ว่าด้วยการเอาอย่าง [๒๑๗] (พระโพธิสัตว์กราบทูลพระราชาว่า) ม้าชื่อปัณฑวะของพระเจ้าสามะ ถูกนายควาญม้าชื่อคิริทัตต์ประทุษร้าย จึงละปกติเดิมของตน ศึกษา เอาอย่างนายควาญม้านั่นเอง. [๒๑๘] ถ้าบุรุษผู้บริบูรณ์ด้วยอาการอันงดงาม สมควรแก่ม้านั้น ตบแต่งร่าง กายงดงาม จับจูงม้านั้นที่บังเหียนพาเวียนไปรอบๆ สนามม้าไซร้ ไม่ช้า เท่าไร ม้านี้ก็จะละความเป็นกระจอกเสีย ศึกษาเอาอย่างบุรุษนั้นเทียว.จบ คิริทัตตชาดกที่ ๔. ๕. อนภิรติชาดก ว่าด้วยจิตขุ่นมัว-ไม่ขุ่นมัว [๒๑๙] เมื่อน้ำขุ่นมัว ไม่ใส บุคคลย่อมไม่แลเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และฝูงปลา ฉันใด เมื่อจิตขุ่นมัว บุคคลก็ย่อมไม่เห็นประโยชน์ ตน และประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น. [๒๒๐] เมื่อน้ำไม่ขุ่นมัว ใสบริสุทธิ์ บุคคลย่อมแลเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และฝูงปลา ฉันใด เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว บุคคลก็ย่อมเห็น ประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น.จบ อนภิรติชาดกที่ ๕. ๖. ทธิวาหนชาดก ว่าด้วยพระเจ้าทธิวาหนะ [๒๒๑] (พระเจ้าทธิวาหนะตรัสถามว่า) แต่ก่อนมา มะม่วงต้นนี้บริบูรณ์ด้วยสี กลิ่น และรส ได้รับการบำรุงอยู่เช่นเดิม เหตุไรจึงมีผลขื่นขมไปเล่า? [๒๒๒] (พระโพธิสัตว์ทูลว่า) ข้าแต่พระเจ้าทธิวาหนะ มะม่วงของพระองค์ มีต้นสะเดาแวดล้อมอยู่ รากต่อรากเกี่ยวพันกัน กิ่งต่อกิ่งเกี่ยวประสาน กัน เหตุที่อยู่ร่วมกันกับต้นสะเดาที่มีรสขม มะม่วงจึงมีผลขมไปด้วย.จบ ทธิวาหนชาดกที่ ๖. ๗. จตุมัฏฐชาดก ผู้เลวทราม ๔ อย่าง [๒๒๓] ท่านทั้งสองพากันขึ้นไปบนค่าคบไม้อันสูง อยู่ในที่ลับแล้วปรึกษากัน เชิญท่านลงมาปรึกษากันในที่ต่ำเถิด พระยาเนื้อจักได้ฟังบ้าง. [๒๒๔] สุบรรณกับสุบรรณเขาปรึกษากัน เทวดากับเทวดาเขาพูดกันในเรื่องนี้ จะมีประโยชน์อะไรแก่สุนัขจิ้งจอกเลวทราม ๔ อย่าง (สรีระ ๑ ชาติ ๑ เสียง ๑ คุณ ๑) เล่า แน่ะสุนัขจิ้งจอกตัวชาติชั่ว เจ้าจงเข้าไปสู่ ปล่องเถิด.จบ จตุมัฏฐชาดกที่ ๗. ๘. สีหโกตถุกชาดก ตัวเหมือนราชสีห์แต่เสียงไม่เหมือน [๒๒๕] ราชสีห์ตัวนั้น นิ้วก็นิ้วราชสีห์ เล็บก็เล็บราชสีห์ ยืนก็ยืนด้วยเท้าราชสีห์ มีอยู่ตัวเดียวในหมู่ราชสีห์ ย่อมบันลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง. [๒๒๖] ดูกรเจ้าเป็นบุตรแห่งราชสีห์ เจ้าอย่าบันลือเสียงอีกเลย จงมีเสียง เบาๆ อยู่ในป่า เขาทั้งหลายพึงรู้จักเจ้าด้วยเสียงนั่นแหละ เพราะเสียง ของเจ้า ไม่เหมือนกับเสียงราชสีห์ผู้เป็นบิดา.จบ สีหโกตถุกชาดกที่ ๘. ๙. สีหจัมมชาดก ลาปลอมเป็นราชสีห์ [๒๒๗] นี่ไม่ใช่เสียงบันลือของราชสีห์ ไม่ใช่เสียงบันลือของเสือโคร่ง ไม่ ใช่เสียงบันลือของเสือเหลือง ลาผู้ลามกคลุมตัวด้วยหนังราชสีห์บัน ลือเสียง. [๒๒๘] ลาเอาหนังราชสีห์คลุมตัว เที่ยวกินข้าวกล้านานมาแล้ว ร้องให้เขารู้ ว่า เป็นตัวลา ได้ประทุษร้ายตนเองแล้ว.จบ สีหจัมมชาดกที่ ๙. ๑๐. สีลานิสังสชาดก ว่าด้วยอานิสงส์ศีล [๒๒๙] จงดูผลของศรัทธา ศีล และจาคะ นี้เถิด พระยานาคนิรมิตเพศเป็น เรือ พาอุบาสกผู้มีศรัทธาไป. [๒๓๐] บุคคลพึงสมาคมกับสัตบุรุษทั้งหลายเถิด พึงทำความสนิทสนมกับ สัตบุรุษทั้งหลายเถิด ด้วยว่าช่างกัลบกถึงความสวัสดีได้ ก็เพราะการ อยู่ร่วมกับสัตบุรุษทั้งหลาย.จบ สีลานิสังสชาดกที่ ๑๐.
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อสทิสชาดก
ป้ายกำกับ:
อสทิสชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น