๑. อุปาหนชาดก อนารยชนย่อมใช้ศิลปะในทางผิด [๓๑๑] รองเท้าที่คนซื้อมา เพื่อประโยชน์จะให้สบายเท้า กลับนำเอาความทุกข์ มาให้ รองเท้านั้น ถูกแดดเผาบ้าง ถูกพื้นเท้าครูดสีบ้าง ก็กลับกัดเท้า ของผู้นั้นนั่นแหละ ฉันใด. [๓๑๒] ผู้ใด เกิดในตระกูลต่ำ ไม่ใช่อารยชน เรียนวิชาและศิลปะมาจากสำนัก อาจารย์ได้แล้ว ผู้นั้น ย่อมฆ่าตนเองด้วยศิลปะที่เรียนมาในสำนักของ อาจารย์นั้น ฉันนั้น บุคคลนั้น บัณฑิตเรียกว่า ไม่ใช่อารยชน เปรียบ ด้วยรองเท้าที่ทำไม่ดี ฉะนั้น.จบ อุปาหนชาดกที่ ๑. ๒. วีณาถูณชาดก รักคนผิด [๓๑๓] เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียว บุรุษเตี้ย ค่อม ผู้โง่เขลานี้ จะนำทางไปไม่ได้แน่ ดูกรเจ้าผู้เจริญ เจ้าไม่สมควรจะไปกับบุรุษเตี้ยค่อมผู้นี้เลย. [๓๑๔] ดิฉันเข้าใจว่า บุรุษค่อมเป็นผู้องอาจ จึงได้รักใคร่บุรุษค่อมผู้นี้นอนตัวงอ อยู่ ดุจคันพิณที่มีสายขาดแล้ว ฉะนั้น.จบ วีณาถูณชาดกที่ ๒. ๓. วิกัณณกชาดก คนเห็นแก่อามิสย่อมเดือดร้อน [๓๑๕] เจ้าปรารถนาในที่ใด ก็จงไปในที่นั้นเถิด เจ้าเป็นผู้ถูกชะนักของเราแทง แล้ว เจ้าเป็นผู้โลภด้วยอาหารแท้ เมื่อติดตามปลาทั้งหลายมาก็ถูกอาหาร มีเสียงกลองกำจัดเสียแล้ว. [๓๑๖] บุคคลเห็นแก่โลกามิสแม้อย่างนี้ ชอบประพฤติตามอำนาจของจิต ย่อม เดือดร้อน เขาย่อมเดือดร้อนอยู่ในท่ามกลางหมู่ญาติและสหาย ดุจจระเข้ ตัวติดตามปลาไปถูกแทง ฉะนั้น.จบ วิกัณณกชาดกที่ ๓. ๔. อสิตาภุชาดก โลภมากลาภหาย [๓๑๗] พระองค์นั่นแหละ ได้กระทำเหตุอันนี้ ในบัดนี้ หม่อมฉันปราศจาก ความรักในพระองค์แล้ว ความรักนั้น ประสานกันอีกไม่ได้ ดุจงาช้างอัน ตัดขาดแล้วด้วยเลื่อย ฉะนั้น. [๓๑๘] บุคคลผู้ปรารถนาเกินส่วน ย่อมเสื่อมจากประโยชน์ เพราะความโลภ เกินประมาณ และเพราะความมัวเมาอันเกิดจากความโลภเกินประมาณ เหมือนเราเสื่อมจากนางอสิตาภู ฉะนั้น.จบ อสิตาภุชาดกที่ ๔. ๕. วัจฉนขชาดก ว่าด้วยดาบสผู้มีเล็บงาม [๓๑๙] ข้าแต่ท่านดาบสผู้มีเล็บงาม เรือนทั้งหลายที่มีเงิน และโภชนาหารบริบูรณ์ เป็นเรือนมีความสุข ท่านบริโภค และดื่มในเรือนใด ไม่ต้องขวนขวาย ก็ได้นอน การอยู่ครองเรือนนั้น เป็นสุขอย่างยิ่ง. [๓๒๐] บุคคลผู้เป็นฆราวาส ไม่มีมานะ ทำการงานก็ดี ไม่กล่าวคำมุสาก็ดี ... ไม่ใช้อำนาจลงโทษผู้อื่น การครองเรือนก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าจะครอบครองเรือนไม่ให้บกพร่อง ให้เกิดความยินดีได้แสนยาก เล่า?จบ วัจฉนขชาดกที่ ๕. ๖. พกชาดก นกเจ้าเล่ห์ [๓๒๑] นกมีปีกตัวนี้ ดีจริง ยืนนิ่งดังดอกโกมุท หุบปีกทั้ง ๒ ไว้ ง่วงเหงา ซบเซาอยู่. [๓๒๒] ท่านทั้งหลาย ไม่รู้จักกิริยาของมัน พวกท่านไม่รู้จึงได้พากันสรรเสริญ นกตัวนี้ไม่ได้คุ้มครองรักษาพวกเราดอก เพราะเหตุนั้น นกตัวนี้จึงไม่ เคลื่อนไหวเลย.จบ พกชาดกที่ ๖. ๗. สาเกตชาดก เหตุให้เกิดความรัก [๓๒๓] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกัน เข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส. [๓๒๔] ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกัน ในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบล และชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น.จบ สาเกตชาดกที่ ๗. ๘. เอกปทชาดก ความเพียรทำให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง [๓๒๕] คุณพ่อครับ เหตุอย่างเดียวทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างมีอยู่หรือไม่ ผมจะพึงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยเหตุใด ขอคุณพ่อจงบอกเหตุนั้น ซึ่ง รวบรวมประโยชน์ได้หลายอย่างแก่ผมเถิด. [๓๒๖] ลูกเอ๋ย เหตุอย่างหนึ่ง คือ ความขยันหมั่นเพียร ทำให้ได้ประโยชน์ หลายอย่าง ก็ความขยันหมั่นเพียรนั้น ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วย ขันติ อาจจะทำมิตรทั้งหลายให้ถึงความสุข หรืออาจทำศัตรูทั้งหลายให้ ถึงความทุกข์ได้.จบ เอกปทชาดกที่ ๘. ๙. หริตมาตชาดก ว่าด้วยผู้มีอิสรภาพ [๓๒๗] ดูกรท่านผู้เป็นบุตรกบเขียว ปลาทั้งหลายรุมกัดฉันผู้มีพิษแล่นเร็ว เข้าไป ยังหน้าลอบ เรื่องนี้ท่านชอบใจหรือ? [๓๒๘] บุรุษผู้มีอิสรภาพอยู่เพียงใด ก็ย่ำยีผู้อื่นได้อยู่เพียงนั้น คนอื่นมาย่ำยีตน คราวใด คราวนั้น ผู้ที่ถูกย่ำยีก็ย่ำยีตอบบ้าง.จบ หริตมาตชาดกที่ ๙. ๑๐. มหาปิงคลชาดก ว่าด้วยพระเจ้าปิงคละผู้ร้ายกาจ [๓๒๙] ชนทั้งปวงถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียนแล้ว เมื่อพระเจ้าปิงคละนั้น สวรรคตแล้ว ชนทั้งหลายก็ได้ความยินดี ดูกรนายประตู พระเจ้าปิงคละ ผู้ไม่มีพระเนตรดำ เป็นที่รักของท่านหรือ เพราะเหตุไร จึงได้ร้องไห้หนอ? [๓๓๐] พระเจ้าปิงคละผู้ไม่มีพระเนตรดำ จะเป็นที่รักของข้าพเจ้าก็หามิได้ แต่ ข้าพเจ้ากลัวว่า พระเจ้าปิงคละนั้นจะกลับเสด็จมาอีก พระเจ้าปิงคละเสด็จ ไปจากมนุษย์โลกนี้แล้ว ก็จะเบียดเบียนพระยามัจจุราช พระยามัจจุราช นั้นถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียนแล้ว ก็จะพึงนำมาส่งมนุษย์โลกนี้อีก. [๓๓๑] พระเจ้าปิงคละนั้น พวกเราช่วยกันเผาแล้วด้วยฟืนพันเล่มเกวียน รดด้วยน้ำหลายร้อยหม้อ พื้นที่ดินนั้นเราป้องกันไว้อย่างดีแล้ว ท่าน อย่ากลัวเลย พระเจ้าปิงคละจักไม่เสด็จกลับมาอีก.จบ มหาปิงคลชาดกที่ ๑๐.
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อุปาหนชาดก
ป้ายกำกับ:
อุปาหนชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น