วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อุปาหนชาดก

๑. อุปาหนชาดก
อนารยชนย่อมใช้ศิลปะในทางผิด
             [๓๑๑] รองเท้าที่คนซื้อมา เพื่อประโยชน์จะให้สบายเท้า กลับนำเอาความทุกข์                           มาให้ รองเท้านั้น ถูกแดดเผาบ้าง ถูกพื้นเท้าครูดสีบ้าง ก็กลับกัดเท้า                           ของผู้นั้นนั่นแหละ ฉันใด.              [๓๑๒] ผู้ใด เกิดในตระกูลต่ำ ไม่ใช่อารยชน เรียนวิชาและศิลปะมาจากสำนัก                           อาจารย์ได้แล้ว ผู้นั้น ย่อมฆ่าตนเองด้วยศิลปะที่เรียนมาในสำนักของ                           อาจารย์นั้น ฉันนั้น บุคคลนั้น บัณฑิตเรียกว่า ไม่ใช่อารยชน เปรียบ                           ด้วยรองเท้าที่ทำไม่ดี ฉะนั้น.
จบ อุปาหนชาดกที่ ๑.
๒. วีณาถูณชาดก
รักคนผิด
             [๓๑๓] เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียว บุรุษเตี้ย ค่อม ผู้โง่เขลานี้ จะนำทางไปไม่ได้แน่                           ดูกรเจ้าผู้เจริญ เจ้าไม่สมควรจะไปกับบุรุษเตี้ยค่อมผู้นี้เลย.              [๓๑๔] ดิฉันเข้าใจว่า บุรุษค่อมเป็นผู้องอาจ จึงได้รักใคร่บุรุษค่อมผู้นี้นอนตัวงอ                           อยู่ ดุจคันพิณที่มีสายขาดแล้ว ฉะนั้น.
จบ วีณาถูณชาดกที่ ๒.
๓. วิกัณณกชาดก
คนเห็นแก่อามิสย่อมเดือดร้อน
             [๓๑๕] เจ้าปรารถนาในที่ใด ก็จงไปในที่นั้นเถิด เจ้าเป็นผู้ถูกชะนักของเราแทง                           แล้ว เจ้าเป็นผู้โลภด้วยอาหารแท้ เมื่อติดตามปลาทั้งหลายมาก็ถูกอาหาร                           มีเสียงกลองกำจัดเสียแล้ว.              [๓๑๖] บุคคลเห็นแก่โลกามิสแม้อย่างนี้ ชอบประพฤติตามอำนาจของจิต ย่อม                           เดือดร้อน เขาย่อมเดือดร้อนอยู่ในท่ามกลางหมู่ญาติและสหาย ดุจจระเข้                           ตัวติดตามปลาไปถูกแทง ฉะนั้น.
จบ วิกัณณกชาดกที่ ๓.
๔. อสิตาภุชาดก
โลภมากลาภหาย
             [๓๑๗] พระองค์นั่นแหละ ได้กระทำเหตุอันนี้ ในบัดนี้ หม่อมฉันปราศจาก                           ความรักในพระองค์แล้ว ความรักนั้น ประสานกันอีกไม่ได้ ดุจงาช้างอัน                           ตัดขาดแล้วด้วยเลื่อย ฉะนั้น.              [๓๑๘] บุคคลผู้ปรารถนาเกินส่วน ย่อมเสื่อมจากประโยชน์ เพราะความโลภ                           เกินประมาณ และเพราะความมัวเมาอันเกิดจากความโลภเกินประมาณ                           เหมือนเราเสื่อมจากนางอสิตาภู ฉะนั้น.
จบ อสิตาภุชาดกที่ ๔.
๕. วัจฉนขชาดก
ว่าด้วยดาบสผู้มีเล็บงาม
             [๓๑๙] ข้าแต่ท่านดาบสผู้มีเล็บงาม เรือนทั้งหลายที่มีเงิน และโภชนาหารบริบูรณ์                           เป็นเรือนมีความสุข ท่านบริโภค และดื่มในเรือนใด ไม่ต้องขวนขวาย                           ก็ได้นอน การอยู่ครองเรือนนั้น เป็นสุขอย่างยิ่ง.              [๓๒๐] บุคคลผู้เป็นฆราวาส ไม่มีมานะ ทำการงานก็ดี ไม่กล่าวคำมุสาก็ดี ...                           ไม่ใช้อำนาจลงโทษผู้อื่น การครองเรือนก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้                           ใครเล่าจะครอบครองเรือนไม่ให้บกพร่อง ให้เกิดความยินดีได้แสนยาก                           เล่า?
จบ วัจฉนขชาดกที่ ๕.
๖. พกชาดก
นกเจ้าเล่ห์
             [๓๒๑] นกมีปีกตัวนี้ ดีจริง ยืนนิ่งดังดอกโกมุท หุบปีกทั้ง ๒ ไว้ ง่วงเหงา                           ซบเซาอยู่.              [๓๒๒] ท่านทั้งหลาย ไม่รู้จักกิริยาของมัน พวกท่านไม่รู้จึงได้พากันสรรเสริญ                           นกตัวนี้ไม่ได้คุ้มครองรักษาพวกเราดอก เพราะเหตุนั้น นกตัวนี้จึงไม่                           เคลื่อนไหวเลย.
จบ พกชาดกที่ ๖.
๗. สาเกตชาดก
เหตุให้เกิดความรัก
             [๓๒๓] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกัน                           เข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส.              [๓๒๔] ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกัน                           ในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบล                           และชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ                           น้ำและเปือกตม ฉะนั้น.
จบ สาเกตชาดกที่ ๗.
๘. เอกปทชาดก
ความเพียรทำให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง
             [๓๒๕] คุณพ่อครับ เหตุอย่างเดียวทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างมีอยู่หรือไม่                           ผมจะพึงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยเหตุใด ขอคุณพ่อจงบอกเหตุนั้น ซึ่ง                           รวบรวมประโยชน์ได้หลายอย่างแก่ผมเถิด.              [๓๒๖] ลูกเอ๋ย เหตุอย่างหนึ่ง คือ ความขยันหมั่นเพียร ทำให้ได้ประโยชน์                           หลายอย่าง ก็ความขยันหมั่นเพียรนั้น ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วย                           ขันติ อาจจะทำมิตรทั้งหลายให้ถึงความสุข หรืออาจทำศัตรูทั้งหลายให้                           ถึงความทุกข์ได้.
จบ เอกปทชาดกที่ ๘.
๙. หริตมาตชาดก
ว่าด้วยผู้มีอิสรภาพ
             [๓๒๗] ดูกรท่านผู้เป็นบุตรกบเขียว ปลาทั้งหลายรุมกัดฉันผู้มีพิษแล่นเร็ว เข้าไป                           ยังหน้าลอบ เรื่องนี้ท่านชอบใจหรือ?              [๓๒๘] บุรุษผู้มีอิสรภาพอยู่เพียงใด ก็ย่ำยีผู้อื่นได้อยู่เพียงนั้น คนอื่นมาย่ำยีตน                           คราวใด คราวนั้น ผู้ที่ถูกย่ำยีก็ย่ำยีตอบบ้าง.
จบ หริตมาตชาดกที่ ๙.
๑๐. มหาปิงคลชาดก
ว่าด้วยพระเจ้าปิงคละผู้ร้ายกาจ
             [๓๒๙] ชนทั้งปวงถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียนแล้ว เมื่อพระเจ้าปิงคละนั้น                           สวรรคตแล้ว ชนทั้งหลายก็ได้ความยินดี ดูกรนายประตู พระเจ้าปิงคละ                           ผู้ไม่มีพระเนตรดำ เป็นที่รักของท่านหรือ เพราะเหตุไร จึงได้ร้องไห้หนอ?              [๓๓๐] พระเจ้าปิงคละผู้ไม่มีพระเนตรดำ จะเป็นที่รักของข้าพเจ้าก็หามิได้ แต่                           ข้าพเจ้ากลัวว่า พระเจ้าปิงคละนั้นจะกลับเสด็จมาอีก พระเจ้าปิงคละเสด็จ                           ไปจากมนุษย์โลกนี้แล้ว ก็จะเบียดเบียนพระยามัจจุราช พระยามัจจุราช                           นั้นถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียนแล้ว ก็จะพึงนำมาส่งมนุษย์โลกนี้อีก.              [๓๓๑] พระเจ้าปิงคละนั้น พวกเราช่วยกันเผาแล้วด้วยฟืนพันเล่มเกวียน                           รดด้วยน้ำหลายร้อยหม้อ พื้นที่ดินนั้นเราป้องกันไว้อย่างดีแล้ว ท่าน                           อย่ากลัวเลย พระเจ้าปิงคละจักไม่เสด็จกลับมาอีก.
จบ มหาปิงคลชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น