๑. ปุจิมันทชาดก ว่าด้วยผู้รอบคอบ [๕๔๒] แน่ะโจร ลุกขึ้นเถิด จะมัวนอนอยู่ทำไม ท่านต้องการอะไร ด้วยการ นอน ราชบุรุษอย่าจับท่านผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้านเลย. [๕๔๓] ราชบุรุษทั้งหลายจ้องจับโจรผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้าน ใน เรื่องนั้น ธุระอะไรของปุจิมันทเทวดาผู้เกิดอยู่ในป่าเล่า? [๕๔๔] ดูกรอัสสัตถเทวดา ท่านไม่รู้เหตุที่จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ระหว่างเรากับโจร ราชบุรุษทั้งหลาย จับโจรผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้านได้แล้ว จะเสียบโจรไว้บนหลาวไม้สะเดา ใจของเรารังเกียจในเรื่องนั้น. [๕๔๕] บัณฑิตพึงรังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจ พึงป้องกันภัยที่ยังไม่มาถึงตัว พิจารณา ดูโลกทั้ง ๒ เพราะภัยในอนาคต.จบ ปุจิมันทชาดกที่ ๑. ๒. กัสสปมันทิยชาดก ว่าด้วยรู้ตัวว่าผิดแล้วสารภาพผิด [๕๔๖] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เด็กหนุ่มจะด่าแช่ง หรือจะตีก็ตาม ด้วยความเป็น เด็กหนุ่ม บัณฑิตผู้มีปัญญา ย่อมอดทนความผิดที่พวกเด็กทำแล้วทั้งหมด นั้นได้. [๕๔๗] ถ้าแม้สัตบุรุษทั้งหลาย วิวาทกัน ก็กลับเชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วน คนพาลทั้งหลาย ย่อมแตกกันเหมือนภาชนะดิน เขาย่อมไม่ได้ความสงบ เวรกันได้เลย. [๕๔๘] ผู้ใด รู้โทษที่ตนล่วงแล้ว ๑ ผู้ใด รู้แสดงโทษ ๑ คนทั้งสองนั้น ย่อม พร้อมเพรียงกันยิ่งขึ้น ความสนิทสนมของเขา ย่อมไม่เสื่อมคลาย. [๕๔๙] ผู้ใด เมื่อคนเหล่าอื่นล่วงเกินกัน ตนเองสามารถจะเชื่อมให้สนิทสนม ได้ ผู้นั้นแลชื่อว่า เป็นผู้ประเสริฐยิ่ง ผู้นำภาระไป ผู้ทรงธุระไว้.จบ กัสสปมันทิยชาดกที่ ๒. ๓. ขันติวาทิชาดก โทษที่ทำร้ายพระสมณะ [๕๕๐] ข้าแต่ท่านผู้มีความเพียรมาก ผู้ใด ให้ตัดมือ ตัดเท้า หู และจมูกของท่าน ท่านจงโกรธผู้นั้นเถิด อย่าได้ทำรัฐนี้ให้พินาศเสียเลย. [๕๕๑] พระราชาพระองค์ใด รับสั่งให้ตัดมือ เท้า หู และจมูกของอาตมภาพ ขอ พระราชาพระองค์นั้น จงทรงพระชนม์ยืนนาน บัณฑิตทั้งหลาย เช่นกับ อาตมภาพ ย่อมไม่โกรธเคืองเลย. [๕๕๒] สมณะผู้สมบูรณ์ด้วยขันติ ได้มีมาในอดีตกาลแล้ว พระเจ้ากาสีรับคำ สั่งให้ตัดมือ เท้า หู และจมูกของสมณะผู้ตั้งอยู่ในขันติ. [๕๕๓] พระเจ้ากาสีหมกไหม้อยู่ในนรก ได้เสวยวิบากอันเผ็ดร้อนของกรรมที่ หยาบช้านั้น.จบ ขันติวาทิชาดกที่ ๓. ๔. โลหกุมภิชาดก ว่าด้วยสัตว์นรกในโลหกุมภี [๕๕๔] เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู่ เราทั้งหลายไม่ได้ให้ทาน ไม่ได้ทำที่พึ่งให้แก่ ตน เราจึงมีชีวิตเป็นอยู่ได้แสนยาก. [๕๕๕] เมื่อเราทั้งหลายหมกไหม้อยู่ในนรก ตลอดหกหมื่นปีบริบูรณ์ โดย ประการทั้งปวง เมื่อไรที่สุดจักปรากฏ? [๕๕๖] ดูกรชาวเราเอ๋ย ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดจักไม่ปรากฏ ดูกร ท่านผู้นิรทุกข์ เพราะในกาลนั้น ทั้งเรา และท่านได้กระทำบาปกรรม ไว้แล้ว. [๕๕๗] เราไปจากที่นี้ ได้กำเนิดมนุษย์ พอรู้จักภาษาแล้ว จักเป็นคนสมบูรณ์ไป ด้วยศีล จักทำกุศลให้มากทีเดียว.จบ โลหกุมภิชาดกที่ ๔. ๕. มังสชาดก วาทศิลป์ของคนขอ [๕๕๘] วาจาของท่านหยาบคายจริงหนอ ท่านเป็นผู้ขอเนื้อ วาจาของท่านเช่นกับ พังผืด ดูกรสหาย เราจะให้พังผืดแก่ท่าน. [๕๕๙] คำว่า พี่ชาย น้องชาย หรือพี่สาว น้องสาวนี้ เป็นอวัยวะของมนุษย์ ทั้งหลาย อันเขากล่าวกันอยู่ในโลก วาจาของท่านเช่นกับอวัยวะ ดูกร สหาย เราจะให้เนื้ออวัยวะแก่ท่าน. [๕๖๐] บุตรเรียกบิดาว่า พ่อ ย่อมทำให้หัวใจของพ่อหวั่นไหว วาจาของท่าน เช่นกับหัวใจ เราจะให้เนื้อหัวใจแก่ท่าน. [๕๖๑] ในบ้านของผู้ใด ไม่มีเพื่อน บ้านของผู้นั้น ก็เป็นเหมือนกับป่า วาจาของ ท่านเช่นกับสมบัติทั้งมวล ดูกรสหาย เราจะให้เนื้อทั้งหมดแก่ท่าน.จบ มังสชาดกที่ ๕. ๖. สสปัณฑิตชาดก ผู้สละชีวิตเป็นทาน [๕๖๒] ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้ามีปลาตะเพียนแดงอยู่ ๗ ตัว ซึ่งนายพรานตก เบ็ดขึ้นมาจากน้ำ เอาไว้บนบก ข้าพเจ้ามีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภค อาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด. [๕๖๓] อาหารของคนรักษานาคนโน้น ข้าพเจ้านำเอามาไว้ในกลางคืน คือ เนื้อ ย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว และนมส้ม ๑ หม้อ ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้า มีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภคอาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด. [๕๖๔] ผลมะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาอันเย็น เป็นที่รื่นรมย์ใจ ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้ามีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภคอาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรม อยู่ในป่าเถิด. [๕๖๕] กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภคเราตัวสุกไปด้วย ไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด.จบ สสปัณฑิตชาดกที่ ๖. ๗. มตโรทนชาดก ว่าด้วยร้องไห้ถึงคนตาย [๕๖๖] ท่านทั้งหลาย ย่อมร้องไห้ถึงแต่คนที่ตายแล้วๆ ทำไมจึงไม่ร้องไห้ถึงคนที่ จักตายบ้างเล่า สัตว์ทุกจำพวกผู้ดำรงสรีระไว้ ย่อมละทิ้งชีวิตไปโดยลำดับ. [๕๖๗] เทวดา มนุษย์ สัตว์จตุบาท หมู่ปักษีชาติ และพวกงู ไม่มีอิสระใน สรีระร่างกายนี้ ถึงจะอภิรมย์อยู่ (ในร่างกาย) นั้น ก็ต้องละทิ้งชีวิตไป ทั้งนั้น. [๕๖๘] สุขและทุกข์ที่เพ่งเล็งกันอยู่ในหมู่มนุษย์ เป็นของแปรผัน ไม่มั่นคง อยู่อย่างนี้ การคร่ำครวญ การร่ำไห้ ไม่เป็นประโยชน์เลย เพราะเหตุไร กองโศกจึงท่วมทับท่านได้? [๕๖๙] พวกนักเลง และพวกคอเหล้า ผู้ไม่ทำความเจริญ เป็นพาล ห้าวหาญ ไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบัณฑิตว่า เป็นพาลไป.จบ มตโรทนชาดกที่ ๗. ๘. กณเวรชาดก ว่าด้วยหญิงหลายผัว [๕๗๐] ท่านกอดรัดนางสามาด้วยแขน ที่กอชบามีสีแดงในวสันตฤดู เธอได้สั่ง ความไม่มีโรคมาถึงท่าน. [๕๗๑] ดูกรท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า ลมพึงพัดภูเขาไป ใครๆ คงไม่เชื่อถือ ถ้า ลมจะพึงพัดเอาภูเขาไปได้ แม้แผ่นดินทั้งหมดก็พัดเอาไปได้ เพราะ เหตุไร นางสามาตายแล้วจึงสั่งความไม่มีโรคมาถึงเราได้? [๕๗๒] นางสามานั้นยังไม่ตาย และไม่ปรารถนาชายอื่น ได้ยินว่า นางจะมีผัว เดียว ยังหวังเฉพาะท่านอยู่เท่านั้น. [๕๗๓] นางสามาได้เปลี่ยนเราผู้ไม่เคยสนิทสนม กับสามีที่เคยสนิทสนมมานาน เปลี่ยนเราผู้ยังไม่ทันได้ร่วมรัก กับสามีผู้เคยร่วมรักมาแล้ว นางสามาพึง เปลี่ยนผู้อื่นกับเราอีก เราจักหนีจากที่นี้ไปเสียให้ไกล.จบ กณเวรชาดกที่ ๘. ๙. ติตติรชาดก ว่าด้วยบาปเกิดจากความจงใจ [๕๗๔] ข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างนี้สบายหนอ และได้บริโภคอาหารตามชอบใจ แต่ว่า ข้าพเจ้าตั้งอยู่ในระหว่างอันตรายแท้ ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ คติของ ข้าพเจ้าเป็นอย่างไรหนอ? [๕๗๕] ดูกรปักษี ถ้าใจของท่านไม่น้อมไปเพื่อกรรมอันเป็นบาป บาปย่อมไม่ แปดเปื้อนท่านผู้บริสุทธิ์ ไม่ขวนขวายกระทำบาปกรรม. [๕๗๖] นกกระทาเป็นอันมากพากันมาด้วยคิดว่า ญาติของเราจับอยู่ นายพรานนก ย่อมได้รับกรรม เพราะอาศัยข้าพเจ้า ใจของข้าพเจ้ารังเกียจอยู่ใน เรื่องนั้น. [๕๗๗] ถ้าใจของท่านไม่คิดประทุษร้าย กรรมที่นายพรานอาศัยท่านกระทำแล้วก็ ไม่ติดท่าน บาปย่อมไม่แปดเปื้อนท่านผู้บริสุทธิ์ มีความขวนขวายน้อย.จบ ติตติรชาดกที่ ๙. ๑๐. สุจจชชาดก ว่าด้วยภรรยาที่ดี [๕๗๘] พระราชา เมื่อไม่ทรงพระราชทานภูเขาด้วยพระวาจา นับว่า ไม่พระราช- ทานสิ่งที่ควรให้ง่ายหนอ เมื่อพระองค์ไม่พระราชทานอะไรเลย ก็ชื่อว่า ไม่ทรงพระราชทานภูเขาด้วยพระวาจา. [๕๗๙] คนฉลาดทำสิ่งใด ก็พูดถึงสิ่งนั้น ไม่ทำสิ่งใด ก็ไม่พูดถึงสิ่งนั้น บัณฑิต ทั้งหลาย ย่อมรู้จักคนที่ไม่ทำดีแต่พูด. [๕๘๐] ข้าแต่พระลูกเจ้า ขอนอบน้อมแด่ฝ่าพระบาท พระองค์ทรงประสบความ พินาศ แต่พระทัยของพระองค์ยังทรงยินดีอยู่ในสัจจะ พระองค์ชื่อว่า ดำรงมั่นอยู่ในสัจจธรรม. [๕๘๑] หญิงใด เมื่อสามีขัดสนก็ขัดสนด้วย เมื่อสามีมั่งคั่งก็พลอยเป็นผู้มั่งคั่ง มีชื่อเสียงด้วย หญิงนั้นแหละ นับว่า เป็นยอดภรรยาของเขา เมื่อมีเงิน ก็ย่อมมีหญิงเป็นธรรมดา.จบ สุจจชชาดกที่ ๑๐.
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ปุจิมันทชาดก
ป้ายกำกับ:
ปุจิมันทชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น