๑. อุทปานทูสกชาดก ว่าด้วยการขี้เยี่ยวลงบ่อน้ำเป็นธรรมดาของหมาจิ้งจอก [๔๑๒] ดูกรสหาย ทำไม ท่านจึงถ่ายมูตรและคูถรดบ่อน้ำที่ทำได้โดยยาก ของ ฤาษีผู้อยู่ป่า แสวงหาตบะอยู่ตลอดกาลนาน? [๔๑๓] เราพวกสุนัขจิ้งจอก ดื่มกินน้ำ ณ ที่ใดแล้ว ย่อมถ่ายอุจจาระปัสสาวะลง ในที่นั้น เป็นธรรมดาของสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย เป็นธรรมดาของบิดา มารดา และปู่ ย่า ตา ยาย ท่านไม่ควรจะถือโกรธธรรมดาอันนั้นของ พวกเราเลย. [๔๑๔] อาการเช่นนี้ เป็นธรรมดาของพวกท่าน อนึ่ง อาการเช่นไร ไม่เป็น ธรรมดาของพวกท่าน ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดา หรือมิใช่ธรรมดา ของพวกท่าน ในกาลไหนๆ อีกเลย.จบ อุทปานทูสกชาดกที่ ๑. ๒. พยัคฆชาดก ว่าด้วยเรื่องของมิตร [๔๑๕] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเสื่อมไปเพราะการคบหากับมิตรคนใด บัณฑิต พึงรักษาลาภ ยศ และชีวิตของตน ที่มิตรนั้นครอบงำไว้เสียก่อน ดุจ บุคคลผู้รักษาตาของตนไว้ ฉะนั้น. [๔๑๖] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเจริญเพราะการคบหากับมิตรคนใด บุรุษ ผู้ฉลาดในกิจทั้งมวล พึงกระทำกิจทุกอย่างของกัลยาณมิตรให้เหมือน ของตน. [๔๑๗] ดูกรราชสีห์และเสือโคร่ง จงมาเถิด เชิญท่านทั้งสองจงกลับเข้าไปยัง ป่าใหญ่ พวกมนุษย์อย่ามาตัดป่าของเราให้ปราศจากราชสีห์และเสือโคร่ง เสียเลย ราชสีห์และเสือโคร่ง อย่าได้เป็นผู้ไร้ป่า.จบ พยัคฆชาดกที่ ๒. ๓. กัจฉปชาดก ว่าด้วยลิงสัปดน [๔๑๘] ใครหนอเดินมา เหมือนบุคคลผู้รวยอาหาร เหมือนพราหมณ์ผู้ได้ลาภ มาเต็มมือ ฉะนั้น ท่านไปรวยภิกษาหารมาแต่ที่ไหนหนอ ท่านเข้าไปหา ผู้มีศรัทธาคนไรมา? [๔๑๙] ดูกรท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นลิง ทรามปัญญา จับต้องสิ่งที่บุคคลไม่ควร จับต้อง ขอพระคุณเจ้าโปรดเปลื้องข้าพเจ้าให้พ้นทุกข์ด้วยเถิด ขอความ เจริญจงมีแก่พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าพ้นจากความฉิบหายนี้แล้วจะไปอยู่ที่ ภูเขา. [๔๒๐] เต่าทั้งหลาย เป็นสัตว์สืบเนื่องมาจากกัสสปโคตร ลิงทั้งหลายเป็นสัตว์ สืบเนื่องมาจากโกณฑัญญโคตร ดูกรเต่าผู้เทือกแถวกัสสปโคตร ท่าน จงปล่อยลิงผู้เทือกแถวโกณฑัญญโคตรเสียเถิด ท่านคงเคยทำเมถุนธรรม กันแล้ว.จบ กัจฉปชาดกที่ ๓. ๔. โลลชาดก ว่าด้วยโทษของความโลเล [๔๒๑] นกยางตัวนี้ อย่างไรจึงมีหงอน เป็นโจร (เข้ามาอยู่ที่รังกา) ดูกรนกยาง ผู้มีเมฆเป็นบิดา ท่านจงมาเสียข้างนี้เถิด กาผู้เป็นสหายของเรา เป็นผู้ ดุร้าย. [๔๒๒] เราไม่ใช่นกยางมีหงอน เราเป็นกาโลเล ไม่ได้ทำตามคำของท่าน กลับ มาแล้ว จงมองดูเราผู้ลุ่นนี้เถิด. [๔๒๓] ดูกรสหาย ท่านจะได้รับทุกข์อีก เพราะว่า ปกติของท่านเป็นเช่นนั้น เครื่องบริโภคของมนุษย์ไม่ควรที่นกจะพึงบริโภค.จบ โลลชาดกที่ ๔. ๕. รุจิรชาดก [๔๒๔] นกยางตัวนี้ อย่างไรจึงขาว น่ารัก มาอยู่ในรังกาได้ และนี่เป็นรังของกา ผู้ดุร้ายสหายของเรา. [๔๒๕] ดูกรนกพิราบผู้สหาย ท่านก็รู้จักเรา ผู้มีข้าวฟ่างเป็นอาหารมิใช่หรือ เรา มิได้กระทำตามคำของท่าน กลับมาแล้ว จงมองดูเราผู้ลุ่นนี้เถิด. [๔๒๖] ดูกรกาผู้สหาย ท่านจะได้รับทุกข์อีก เพราะว่า ปกติของท่านเป็นเช่นนั้น เครื่องบริโภคของมนุษย์ไม่ควรที่นกจะพึงบริโภค.จบ รุจิรชาดกที่ ๕. ๖. กุรุธรรมชาดก ว่าด้วยให้ช้างแก่ท้าวกาลิงคราช [๔๒๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่กว่าประชาชน ข้าพระบาททั้งหลาย ได้ทราบ ศรัทธา และศีลของพระองค์แล้ว จึงมาขอรับพระราชทานเอาทองคำ แลกกับช้างมีสีดังดอกอัญชัน นำไปในแคว้นกาลิงคราช. [๔๒๘] สัตว์ที่พึงเลี้ยงด้วยข้าวก็ดี ที่ไม่ได้เลี้ยงก็ดี ผู้ใด ในโลกนี้ ตั้งใจมาหาเรา สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด เราก็มิได้ห้ามเลย นี้เป็นถ้อยคำของท่านบูรพาจารย์. [๔๒๙] ดูกรพราหมณ์ทั้งหลาย เราจะให้ช้างนี้อันควรเป็นราชพาหนะ เป็นราช บริโภค ประกอบไปด้วยยศ ประดับไปด้วยเครื่องประดับ ปกคลุมไป ด้วยข่ายทอง มีนายหัตถาจารย์ พร้อมแก่ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงไป ตามปรารถนาเถิด.จบ กุรุธรรมชาดกที่ ๖. ๗. โรมชาดก ว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์ [๔๓๐] ดูกรปักษีผู้มีขนปีก เมื่อเรามาอยู่ในถ้ำแห่งภูเขานี้กว่า ๕๐ ปี นกพิราบ ทั้งหลายก็มิได้รังเกียจ เป็นผู้มีจิตเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ย่อมพากันมาสู่ บ่วงมือของเรา ในกาลก่อน. [๔๓๑] ดูกรท่านผู้มีอวัยวะคด บัดนี้ นกพิราบเหล่านั้น คงจะเห็นเหตุอะไร กระมัง จึงใคร่จะพากันไปเสพอาศัยซอกภูเขาอื่น นกเหล่านี้ ครั้งก่อน ย่อมสำคัญเราอย่างไร บัดนี้ ย่อมไม่สำคัญเราอย่างนั้นหรือ หรือนก เหล่านี้ พลัดพรากไปนานแล้ว จำเราไม่ได้ หรือว่าเป็นนกใหม่จึงไม่เข้า ใกล้เรา? [๔๓๒] พวกเราเป็นผู้ไม่หลงใหล รู้อยู่ว่า ท่านก็คือท่านนั่นแหละ พวกเราเหล่า นั้นก็ไม่ใช่นกอื่น ก็แต่ว่า จิตของท่านเป็นจิตประทุษร้ายในชนนี้ ดูกร อาชีวก เพราะเหตุนั้น พวกเราจึงหวาดกลัวท่าน.จบ โรมชาดกที่ ๗. ๘. มหิสชาดก ว่าด้วยลิงกับควาย [๔๓๓] ท่านอาศัยเหตุอะไรจึงอดกลั้นทุกข์นี้ ต่อลิงผู้มีจิตกลับกลอก มักประทุษ- ร้ายมิตร ดุจเป็นเจ้าของผู้ให้ความใคร่ทั้งปวง. [๔๓๔] ท่านจงขวิดมันเสีย (ด้วยเขา) จงเหยียบเสีย (ด้วยเท้า) ถ้าไม่ห้าม ปรามมันเสีย สัตว์ทั้งหลายที่โง่เขลา ก็จะพึงเบียดเบียนร่ำไป. [๔๓๕] เมื่อลิงตัวนี้ ดูหมิ่นควายตัวอื่น ดุจดูหมิ่นข้าพเจ้า จักกระทำอนาจาร อย่างนี้แก่ควายตัวอื่น ควายเหล่านั้น ก็จะฆ่ามันเสียในที่นั้น ความพ้น อันนั้นจักมีแก่ข้าพเจ้า.จบ มหิสชาดกที่ ๘. ๙. สตปัตตชาดก ว่าด้วยความสำคัญผิด [๔๓๖] มาณพสำคัญนางสุนัขจิ้งจอกในหนทาง ซึ่งเที่ยวอยู่ในป่า ผู้ปรารถนา ประโยชน์ และบอกให้รู้ด้วยอาการอย่างนั้นว่า เป็นผู้ปรารถนาความ ฉิบหาย มาสำคัญนกกระไนผู้ปรารถนาความฉิบหายว่า เป็นผู้ปรารถนา ประโยชน์ ฉันใด. [๔๓๗] บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมเป็นเช่นนั้น เมื่อชนทั้งหลายผู้ปรารถนาประ- โยชน์จึงกล่าวสอน ย่อมกลับถือเอาโดยไม่เคารพ ฉันนั้น. [๔๓๘] อนึ่ง ชนเหล่าใด สรรเสริญบุคคลนั้นก็ดี ยกย่องบุคคลนั้นเพราะกลัว ก็ดี ก็สำคัญชนเหล่านั้นว่า เป็นมิตร เหมือนมาณพสำคัญผิดนกกระไน ว่า เป็นมิตร ฉะนั้น.จบ สตปัตตชาดกที่ ๙. ๑๐. ปูฏทูสกชาดก ว่าด้วยผู้ชอบทำลาย [๔๓๙] พระยาเนื้อจะฉลาดในการทำห่อใบไม้เป็นแน่ เพราะฉะนั้น จึงได้รื้อห่อ ใบไม้เสีย คงจะทำห่อใบไม้อย่างอื่นให้ดีกว่าเก่าเป็นมั่นคง. [๔๔๐] บิดา หรือมารดาของเรา ไม่ใช่เป็นคนฉลาดในการทำห่อใบไม้เลย เรา ได้แต่รื้อสิ่งของที่ทำไว้แล้วๆ เท่านั้น ตระกูลของเรานี้ เป็นธรรมดา อย่างนี้. [๔๔๑] ธรรมดาของท่านทั้งหลายเป็นถึงเช่นนี้ ก็สภาพที่มิใช่ธรรมดาจะเป็น เช่นไร ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดา หรือมิใช่ธรรมดาของท่านทั้งหลาย ในกาลไหนๆ เลย.จบ ปูฏทูสกชาดกที่ ๑๐.
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อุทปานทูสกชาดก
ป้ายกำกับ:
อุทปานทูสกชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น