วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อุทปานทูสกชาดก

๑. อุทปานทูสกชาดก
ว่าด้วยการขี้เยี่ยวลงบ่อน้ำเป็นธรรมดาของหมาจิ้งจอก
             [๔๑๒] ดูกรสหาย ทำไม ท่านจึงถ่ายมูตรและคูถรดบ่อน้ำที่ทำได้โดยยาก ของ                           ฤาษีผู้อยู่ป่า แสวงหาตบะอยู่ตลอดกาลนาน?              [๔๑๓] เราพวกสุนัขจิ้งจอก ดื่มกินน้ำ ณ ที่ใดแล้ว ย่อมถ่ายอุจจาระปัสสาวะลง                           ในที่นั้น เป็นธรรมดาของสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย เป็นธรรมดาของบิดา                           มารดา และปู่ ย่า ตา ยาย ท่านไม่ควรจะถือโกรธธรรมดาอันนั้นของ                           พวกเราเลย.              [๔๑๔] อาการเช่นนี้ เป็นธรรมดาของพวกท่าน อนึ่ง อาการเช่นไร ไม่เป็น                           ธรรมดาของพวกท่าน ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดา หรือมิใช่ธรรมดา                           ของพวกท่าน ในกาลไหนๆ อีกเลย.
จบ อุทปานทูสกชาดกที่ ๑.
๒. พยัคฆชาดก
ว่าด้วยเรื่องของมิตร
             [๔๑๕] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเสื่อมไปเพราะการคบหากับมิตรคนใด บัณฑิต                           พึงรักษาลาภ ยศ และชีวิตของตน ที่มิตรนั้นครอบงำไว้เสียก่อน ดุจ                           บุคคลผู้รักษาตาของตนไว้ ฉะนั้น.              [๔๑๖] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเจริญเพราะการคบหากับมิตรคนใด บุรุษ                           ผู้ฉลาดในกิจทั้งมวล พึงกระทำกิจทุกอย่างของกัลยาณมิตรให้เหมือน                           ของตน.              [๔๑๗] ดูกรราชสีห์และเสือโคร่ง จงมาเถิด เชิญท่านทั้งสองจงกลับเข้าไปยัง                           ป่าใหญ่ พวกมนุษย์อย่ามาตัดป่าของเราให้ปราศจากราชสีห์และเสือโคร่ง                           เสียเลย ราชสีห์และเสือโคร่ง อย่าได้เป็นผู้ไร้ป่า.
จบ พยัคฆชาดกที่ ๒.
๓. กัจฉปชาดก
ว่าด้วยลิงสัปดน
             [๔๑๘] ใครหนอเดินมา เหมือนบุคคลผู้รวยอาหาร เหมือนพราหมณ์ผู้ได้ลาภ                           มาเต็มมือ ฉะนั้น ท่านไปรวยภิกษาหารมาแต่ที่ไหนหนอ ท่านเข้าไปหา                           ผู้มีศรัทธาคนไรมา?              [๔๑๙] ดูกรท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นลิง ทรามปัญญา จับต้องสิ่งที่บุคคลไม่ควร                           จับต้อง ขอพระคุณเจ้าโปรดเปลื้องข้าพเจ้าให้พ้นทุกข์ด้วยเถิด ขอความ                           เจริญจงมีแก่พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าพ้นจากความฉิบหายนี้แล้วจะไปอยู่ที่                           ภูเขา.              [๔๒๐] เต่าทั้งหลาย เป็นสัตว์สืบเนื่องมาจากกัสสปโคตร ลิงทั้งหลายเป็นสัตว์                           สืบเนื่องมาจากโกณฑัญญโคตร ดูกรเต่าผู้เทือกแถวกัสสปโคตร ท่าน                           จงปล่อยลิงผู้เทือกแถวโกณฑัญญโคตรเสียเถิด ท่านคงเคยทำเมถุนธรรม                           กันแล้ว.
จบ กัจฉปชาดกที่ ๓.
๔. โลลชาดก
ว่าด้วยโทษของความโลเล
             [๔๒๑] นกยางตัวนี้ อย่างไรจึงมีหงอน เป็นโจร (เข้ามาอยู่ที่รังกา) ดูกรนกยาง                           ผู้มีเมฆเป็นบิดา ท่านจงมาเสียข้างนี้เถิด กาผู้เป็นสหายของเรา เป็นผู้                           ดุร้าย.              [๔๒๒] เราไม่ใช่นกยางมีหงอน เราเป็นกาโลเล ไม่ได้ทำตามคำของท่าน กลับ                           มาแล้ว จงมองดูเราผู้ลุ่นนี้เถิด.              [๔๒๓] ดูกรสหาย ท่านจะได้รับทุกข์อีก เพราะว่า ปกติของท่านเป็นเช่นนั้น                           เครื่องบริโภคของมนุษย์ไม่ควรที่นกจะพึงบริโภค.
จบ โลลชาดกที่ ๔.
๕. รุจิรชาดก
             [๔๒๔] นกยางตัวนี้ อย่างไรจึงขาว น่ารัก มาอยู่ในรังกาได้ และนี่เป็นรังของกา                           ผู้ดุร้ายสหายของเรา.              [๔๒๕] ดูกรนกพิราบผู้สหาย ท่านก็รู้จักเรา ผู้มีข้าวฟ่างเป็นอาหารมิใช่หรือ เรา                           มิได้กระทำตามคำของท่าน กลับมาแล้ว จงมองดูเราผู้ลุ่นนี้เถิด.              [๔๒๖] ดูกรกาผู้สหาย ท่านจะได้รับทุกข์อีก เพราะว่า ปกติของท่านเป็นเช่นนั้น                           เครื่องบริโภคของมนุษย์ไม่ควรที่นกจะพึงบริโภค.
จบ รุจิรชาดกที่ ๕.
๖. กุรุธรรมชาดก
ว่าด้วยให้ช้างแก่ท้าวกาลิงคราช
             [๔๒๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่กว่าประชาชน ข้าพระบาททั้งหลาย ได้ทราบ                           ศรัทธา และศีลของพระองค์แล้ว จึงมาขอรับพระราชทานเอาทองคำ                           แลกกับช้างมีสีดังดอกอัญชัน นำไปในแคว้นกาลิงคราช.              [๔๒๘] สัตว์ที่พึงเลี้ยงด้วยข้าวก็ดี ที่ไม่ได้เลี้ยงก็ดี ผู้ใด ในโลกนี้ ตั้งใจมาหาเรา                           สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด เราก็มิได้ห้ามเลย นี้เป็นถ้อยคำของท่านบูรพาจารย์.              [๔๒๙] ดูกรพราหมณ์ทั้งหลาย เราจะให้ช้างนี้อันควรเป็นราชพาหนะ เป็นราช                           บริโภค ประกอบไปด้วยยศ ประดับไปด้วยเครื่องประดับ ปกคลุมไป                           ด้วยข่ายทอง มีนายหัตถาจารย์ พร้อมแก่ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงไป                           ตามปรารถนาเถิด.
จบ กุรุธรรมชาดกที่ ๖.
๗. โรมชาดก
ว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์
             [๔๓๐] ดูกรปักษีผู้มีขนปีก เมื่อเรามาอยู่ในถ้ำแห่งภูเขานี้กว่า ๕๐ ปี นกพิราบ                           ทั้งหลายก็มิได้รังเกียจ เป็นผู้มีจิตเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ย่อมพากันมาสู่                           บ่วงมือของเรา ในกาลก่อน.              [๔๓๑] ดูกรท่านผู้มีอวัยวะคด บัดนี้ นกพิราบเหล่านั้น คงจะเห็นเหตุอะไร                           กระมัง จึงใคร่จะพากันไปเสพอาศัยซอกภูเขาอื่น นกเหล่านี้ ครั้งก่อน                           ย่อมสำคัญเราอย่างไร บัดนี้ ย่อมไม่สำคัญเราอย่างนั้นหรือ หรือนก                           เหล่านี้ พลัดพรากไปนานแล้ว จำเราไม่ได้ หรือว่าเป็นนกใหม่จึงไม่เข้า                           ใกล้เรา?              [๔๓๒] พวกเราเป็นผู้ไม่หลงใหล รู้อยู่ว่า ท่านก็คือท่านนั่นแหละ พวกเราเหล่า                           นั้นก็ไม่ใช่นกอื่น ก็แต่ว่า จิตของท่านเป็นจิตประทุษร้ายในชนนี้ ดูกร                           อาชีวก เพราะเหตุนั้น พวกเราจึงหวาดกลัวท่าน.
จบ โรมชาดกที่ ๗.
๘. มหิสชาดก
ว่าด้วยลิงกับควาย
             [๔๓๓] ท่านอาศัยเหตุอะไรจึงอดกลั้นทุกข์นี้ ต่อลิงผู้มีจิตกลับกลอก มักประทุษ-                           ร้ายมิตร ดุจเป็นเจ้าของผู้ให้ความใคร่ทั้งปวง.              [๔๓๔] ท่านจงขวิดมันเสีย (ด้วยเขา) จงเหยียบเสีย (ด้วยเท้า) ถ้าไม่ห้าม                           ปรามมันเสีย สัตว์ทั้งหลายที่โง่เขลา ก็จะพึงเบียดเบียนร่ำไป.              [๔๓๕] เมื่อลิงตัวนี้ ดูหมิ่นควายตัวอื่น ดุจดูหมิ่นข้าพเจ้า จักกระทำอนาจาร                           อย่างนี้แก่ควายตัวอื่น ควายเหล่านั้น ก็จะฆ่ามันเสียในที่นั้น ความพ้น                           อันนั้นจักมีแก่ข้าพเจ้า.
จบ มหิสชาดกที่ ๘.
๙. สตปัตตชาดก
ว่าด้วยความสำคัญผิด
             [๔๓๖] มาณพสำคัญนางสุนัขจิ้งจอกในหนทาง ซึ่งเที่ยวอยู่ในป่า ผู้ปรารถนา                           ประโยชน์ และบอกให้รู้ด้วยอาการอย่างนั้นว่า เป็นผู้ปรารถนาความ                           ฉิบหาย มาสำคัญนกกระไนผู้ปรารถนาความฉิบหายว่า เป็นผู้ปรารถนา                           ประโยชน์ ฉันใด.              [๔๓๗] บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมเป็นเช่นนั้น เมื่อชนทั้งหลายผู้ปรารถนาประ-                           โยชน์จึงกล่าวสอน ย่อมกลับถือเอาโดยไม่เคารพ ฉันนั้น.              [๔๓๘] อนึ่ง ชนเหล่าใด สรรเสริญบุคคลนั้นก็ดี ยกย่องบุคคลนั้นเพราะกลัว                           ก็ดี ก็สำคัญชนเหล่านั้นว่า เป็นมิตร เหมือนมาณพสำคัญผิดนกกระไน                           ว่า เป็นมิตร ฉะนั้น.
จบ สตปัตตชาดกที่ ๙.
๑๐. ปูฏทูสกชาดก
ว่าด้วยผู้ชอบทำลาย
             [๔๓๙] พระยาเนื้อจะฉลาดในการทำห่อใบไม้เป็นแน่ เพราะฉะนั้น จึงได้รื้อห่อ                           ใบไม้เสีย คงจะทำห่อใบไม้อย่างอื่นให้ดีกว่าเก่าเป็นมั่นคง.              [๔๔๐] บิดา หรือมารดาของเรา ไม่ใช่เป็นคนฉลาดในการทำห่อใบไม้เลย เรา                           ได้แต่รื้อสิ่งของที่ทำไว้แล้วๆ เท่านั้น ตระกูลของเรานี้ เป็นธรรมดา                           อย่างนี้.              [๔๔๑] ธรรมดาของท่านทั้งหลายเป็นถึงเช่นนี้ ก็สภาพที่มิใช่ธรรมดาจะเป็น                           เช่นไร ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดา หรือมิใช่ธรรมดาของท่านทั้งหลาย                           ในกาลไหนๆ เลย.
จบ ปูฏทูสกชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น