วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โสมทัตตชาดก

๑. โสมทัตตชาดก
ว่าด้วยอาการของผู้ขอ
             [๒๗๑] ท่านเป็นผู้ไม่ประมาทเป็นนิจ ได้ทำความเพียรอยู่ในป่าช้าชื่อพีรณัต-                           ถัมภกะถึงหนึ่งปี ครั้นเข้าประชุมบริษัท กลับกล่าวให้ผิดพลาดไป                           ความเพียร ย่อมป้องกันผู้ปราศจากปัญญาไม่ได้.              [๒๗๒] ดูกรพ่อโสมทัตต์ บุคคลผู้ขอ ย่อมประสบอาการ ๒ อย่าง คือได้ทรัพย์ ๑                           ไม่ได้ทรัพย์ ๑ เพราะว่าการขอมีอาการอย่างนี้เป็นธรรมดา.
จบ โสมทัตตชาดกที่ ๑.
๒. อุจฉิฏฐภัตตชาดก
นางพราหมณีหาชายชู้
             [๒๗๓] อาการข้าวข้างบนเป็นอย่างหนึ่ง อาการข้าวข้างล่างเป็นอย่างหนึ่ง ดูกร                           นางพราหมณี ฉันขอถามท่านหน่อยเถิด เหตุไรข้าวข้างล่างจึงเย็น                           ข้างบนจึงร้อนนิดหน่อย?              [๒๗๔] ดูกรท่านผู้เจริญ ฉันเป็นคนฟ้อนรำ เที่ยวขอมาจนถึงที่นี่ ก็ชายชู้ของนาง                           พราหมณีนี้ ซุ่มอยู่แล้วที่ซุ้มต้นไม้ ท่านเสาะหาผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ชายชู้                           ผู้นี้เอง.
จบ อุจฉิฏฐภัตตชาดกที่ ๒.
๓. ภรุราชชาดก
ประทุษร้ายผู้มีศีลย่อมวิบัติ
             [๒๗๕] เราได้ฟังมาว่า พระราชาในภรุรัฐ ได้ทรงประทุษร้ายต่อฤาษีทั้งหลายแล้ว                           ทรงประสบความวิบัติพร้อมทั้งแว่นแคว้น.              [๒๗๖] เพราะฉะนั้นแล บัณฑิตทั้งหลาย จึงไม่สรรเสริญการลุอำนาจแก่ฉันทาคติ                           บุคคลไม่ควรมีจิตคิดร้าย ควรกล่าวแต่คำที่อิงความจริง.
จบ ภรุราชชาดกที่ ๓.
๔. ปุณณนทีชาดก
ว่าด้วยการไม่ระลึกถึง
             [๒๗๗] ชนทั้งหลายพึงพูดถึงแม่น้ำที่เต็มแล้วว่า กาดื่มกินได้ก็ดี พูดถึงข้าวกล้า                           ที่เกิดแล้วว่า กาซ่อนอยู่ได้ก็ดี พูดถึงบุคคลที่รักกันไปสู่ที่ไกลว่า จะกลับ                           มาถึงเพราะกาบอกข่าวก็ดี กานั้น เรานำมาให้ท่านแล้ว ขอเชิญบริโภค                           เนื้อกานั้นเถิด ท่านพราหมณ์.              [๒๗๘] คราวใด พระราชาทรงระลึกถึงเรา เพื่อจะส่งเนื้อกาให้เรา คราวนั้น                           เนื้อหงส์ก็ดี เนื้อนกกระเรียนก็ดี เนื้อนกยูงก็ดี เป็นของที่เรานำไปถวาย                           แล้ว การไม่ระลึกถึงเสียเลย เป็นความเลวทราม.
จบ ปุณณนทีชาดกที่ ๔.
๕. กัจฉปชาดก
ว่าด้วยตายเพราะปาก
             [๒๗๙] เต่าพออ้าปากจะพูด ได้ฆ่าตนเองแล้วหนอ เมื่อตนคาบท่อนไม้ไว้ดีแล้ว                           ก็ฆ่าตนเสียด้วยวาจาของตนเอง.              [๒๘๐] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐสุดในหมู่นรชน บุรุษผู้เป็นบัณฑิตเห็นเหตุ                           อันนี้แล้ว ควรเปล่งแต่วาจาที่ดี ไม่ควรเปล่งวาจานั้นให้ล่วงเวลาไป                           ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรเต่าตัวถึงความพินาศเพราะพูดมาก.
จบ กัจฉปชาดกที่ ๕.
๖. มัจฉชาดก
ไฟราคะร้อนกว่าไฟอย่างอื่น
             [๒๘๑] ไฟนี้ก็ไม่เผาเราให้เร่าร้อน แม้หลาวที่นายพรานแหเสี้ยมเป็นอย่างดีแล้ว                           ก็ไม่ยังความทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่เรา แต่การที่นางปลาเข้าใจว่า เราไปหา                           นางปลาตัวอื่นด้วยความยินดี อันนี้แหละจะเผาเราให้เร่าร้อน.              [๒๘๒] ไฟคือราคะนั้นแล ย่อมเผาเราให้เร่าร้อน อนึ่ง จิตของเราเองย่อมเผาเรา                           ให้เร่าร้อน ข้าแต่ท่านพรานแหทั้งหลาย ขอได้ปล่อยเราเถิด สัตว์ผู้ตก                           ยากอยู่ในกาม ท่านไม่ควรฆ่าโดยแท้.
จบ มัจฉชาดกที่ ๖.
๗. เสคคุชาดก
การได้รับทุกข์จากผู้เป็นที่พึ่ง
             [๒๘๓] สัตว์โลกทั้งปวง เป็นผู้พอใจในการเสพกาม ดูกรนางเสคคุ เจ้าเป็นผู้                           ไม่ฉลาดในธรรมของชาวบ้าน ความที่เจ้าเป็นนางกุมารีถูกบิดาจับมือ                           ในป่าชัฏร้องไห้อยู่ในวันนี้ เป็นธรรมดา.              [๒๘๔] เมื่อฉันได้รับทุกข์แล้ว ผู้ใดพึงเป็นที่พึ่งได้ ผู้นั้นคือบิดาของฉัน กลับ                           มากระทำมิดีมิร้ายฉันในป่า ฉันจะคร่ำครวญหาใครในกลางป่าอีกเล่า                           ผู้ใดเป็นที่พึ่งได้ ผู้นั้นกลับมาทำฉันถึงสาหัส.
จบ เสคคุชาดกที่ ๗.
๘. กูฏวาณิชชาดก
หนามยอกเอาหนามบ่ง
             [๒๘๕] ท่านได้คิดอุบายตอบอุบายดีแล้ว ได้คิดโกงตอบผู้โกงดีแล้ว ถ้าหนู                           ทั้งหลายพึงกินผาลได้ เหตุไฉน เหยี่ยวทั้งหลายจะเฉี่ยวเด็กไปไม่ได้เล่า?              [๒๘๖] บุคคลที่โกงตอบคนโกง ย่อมมีอยู่แน่นอน บุคคลที่ล่อลวงก็ย่อมมีอยู่                           เหมือนกัน ดูกรท่านผู้มีบุตรหาย ท่านจักไม่ให้ผาลแก่เขา บุรุษผู้มีผาล                           หาย ก็จะไม่นำบุตรมาให้แก่ท่าน.
จบ กูฏวาณิชชาดกที่ ๘.
๙. ครหิตชาดก
คนโง่เขลาย่อมเห็นแก่เงิน
             [๒๘๗] มนุษย์ทั้งหลายผู้มีปัญญาเขลา ไม่เห็นอริยธรรม พูดกันแต่ว่า เงินของเรา                           ทองของเรา ดังนี้ ทั้งกลางคืนและกลางวัน.              [๒๘๘] ในเรือนหลังหนึ่ง มีเจ้าของเรือนอยู่ ๒ คน ใน ๒ คนนั้น คนหนึ่งไม่มี                           หนวด แต่มีนมห้อยยาน เกล้าผมมวย และเจาะหู เขาซื้อมาด้วย                           ทรัพย์มาก เจ้าของเรือนผู้นั้น ย่อมกล่าวเสียดแทงคนในเรือนนั้น                           ตั้งแต่แรกมาอยู่.
จบ ครหิตชาดกที่ ๙.
๑๐. ธัมมัทธชชาดก
ว่าด้วยผู้ถึงธรรมของสัตบุรุษ
             [๒๘๙] ท่านอยู่เป็นสุขแล้ว ได้ออกจากแว่นแคว้นมาสู่ป่าอันสงัดเงียบ ท่านนั้น                           นั่งซบเซาอยู่ที่โคนต้นไม้แต่ผู้เดียว เหมือนคนกำพร้า.              [๒๙๐] เราอยู่เป็นสุขแล้ว ได้ออกจากแว่นแคว้นมาสู่ป่าสงัดเงียบ และระลึกถึง                           ธรรมของสัตบุรุษอยู่ นั่งซบเซาอยู่ที่โคนต้นไม้แต่ผู้เดียว เหมือนคน                           กำพร้า.
จบ ธัมมัทธชชาดกที่ ๑๐.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น