๑. มณิกุณฑลชาดก ผู้ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม [๗๐๒] พระองค์ละแว่นแคว้น ม้า กุณฑล และแก้วมณี อนึ่ง ยังทรงละ พระราชบุตร และเหล่าพระสนมเสียได้ เมื่อโภคสมบัติทั้งสิ้นของ พระองค์ ไม่มีเหลือเลย เหตุไฉน พระองค์จึงไม่ทรงเดือดร้อน ใน คราวที่มหาชนพากันเศร้าโศกอยู่เล่า?. [๗๐๓] โภคสมบัติย่อมละทิ้งสัตว์ไปเสียก่อนก็มี บางทีสัตว์ย่อมละทิ้งโภค- สมบัติเหล่านั้นไปก่อนก็มี ดูกรพระองค์ผู้ใคร่ในกามารมณ์ โภคสมบัติ ที่บริโภคกันอยู่ เป็นของไม่แน่นอน เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงไม่ เดือดร้อน ในคราวที่มหาชนพากันเศร้าโศกอยู่. [๗๐๔] พระจันทร์อุทัยขึ้นเต็มดวง ก็จะกลับหายสิ้นไป พระอาทิตย์กำจัด ความมืด ทำโลกให้เร่าร้อนแล้วอัสดงคตไป ดูกรพระองค์ผู้เป็นศัตรู โลกธรรมทั้งหลาย หม่อมฉันชนะได้แล้ว เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงไม่ เดือดร้อน ในคราวที่มหาชนพากันเศร้าโศกอยู่. [๗๐๕] คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามคุณ เกียจคร้านก็ไม่ดี บรรพชิตไม่สำรวมก็ไม่ดี พระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วทรงทำก็ไม่ดี บัณฑิตมี ความโกรธเป็นเจ้าเรือนก็ไม่ดี. [๗๐๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเจ้าทิศ กษัตริย์ใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงทำ ไม่ใคร่ ครวญเสียก่อนแล้วไม่ควรทำ อิสริยยศ บริวารยศ และเกียรติคุณของ พระราชาผู้ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ย่อมเจริญขึ้น.จบ มณิกุณฑลชาดกที่ ๑. ๒. สุชาตชาดก ว่าด้วยคำคมของคนฉลาด [๗๐๗] เหตุไรหนอ เจ้าจึงเป็นเหมือนรีบด่วนเกี่ยวเอาหญ้าอันเขียวสดมาแล้ว บ่นเพ้อถึงวัวแก่ผู้ปราศจากชีวิตแล้วว่า จงเคี้ยวกินเสีย วัวที่ตายแล้วจะ พึงลุกขึ้นได้เพราะหญ้า และน้ำเป็นไม่มีแน่ เจ้าบ่นเพ้อไปเปล่าๆ เหมือน คนผู้ไร้ความคิด ฉะนั้น. [๗๐๘] ศีรษะ เท้าหน้า เท้าหลัง หาง และหู ของวัว ก็ตั้งอยู่ตามที่อย่าง นั้น ผมเข้าใจว่า วัวตัวนี้จะพึงลุกขึ้นได้ ศีรษะหรือมือเท้าของคุณปู่ มิได้ ปรากฏเลย คุณพ่อนั่นเองมาร้องไห้อยู่ที่สถูปดิน เป็นคนไร้ความคิดมิใช่ หรือ? [๗๐๙] เจ้ารดพ่อผู้เดือดร้อนยิ่งนักให้หายร้อน ยังความกระวนกระวายของ พ่อให้ดับได้สิ้น เหมือนบุคคลเอาน้ำรดไฟติดเปรียงให้ดับไป ฉะนั้น เจ้ามาถอนลูกศรคือ ความโศกที่เสียบแน่นอยู่ในฤทัยของพ่อออกได้แล้ว หนอ เมื่อพ่อถูกความโศกครอบงำ เจ้าได้บรรเทาความโศกถึงบิดา เสียได้. [๗๑๐] พ่อเป็นผู้ถอนลูกศรคือความโศกออกได้แล้ว ปราศจากความเศร้าโศก หมดความมัวหมอง ลูกรัก พ่อจะไม่เศร้าโศก จะไม่ร้องไห้ เพราะได้ ฟังถ้อยคำของเจ้า. [๗๑๑] คนผู้มีปัญญา มีใจอนุเคราะห์ ย่อมทำบุคคลให้หลุดพ้นจากความเศร้า โศกได้ เหมือนกับพ่อสุชาตบุตรของพ่อ ทำบิดาให้ล่วงพ้นจากความเศร้า โศก ฉะนั้น.จบ สุชาตชาดกที่ ๒. ๓. เวนสาขชาดก ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว [๗๑๒] ดูกรพรหมทัตตกุมาร ความเกษมสำราญ ภิกษาหารหาได้ง่าย และ ความเป็นผู้สำราญกายนี้ ไม่พึงมีตลอดกาลเป็นนิตย์ เมื่อประโยชน์ของ ตนสิ้นไป ท่านอย่าเป็นผู้ล่มจมเสียเลย เหมือนเรือแตก คนไม่ได้ ที่พึ่งอาศัย ต้องจมอยู่ในท่ามกลางทะเล ฉะนั้น. [๗๑๓] บุคคลทำกรรมใด ย่อมมองเห็นกรรมนั้นในตน ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผล เช่นนั้น. [๗๑๔] ปาจารย์ในปางก่อนได้กล่าวคำใดไว้ว่า ท่านอย่าได้ทำบาปกรรมที่ทำ แล้วจะทำให้เดือดร้อนในภายหลังเลย คำนั้น เป็นคำสอนของอาจารย์เรา [๗๑๕] ปิงคิยปุโรหิตนั้น ย่อมบ่นเพ้อแสดงต้นไทรว่า มีกิ่งแผ่ไพศาล (สามารถ ให้ความชนะได้) เราได้ให้ฆ่ากษัตริย์ผู้ประดับด้วยราชาลังการ ลูบไล้ ด้วยแก่นจันทน์แดงทั้งพันพระองค์เสีย ที่ต้นไม้ใด ต้นไม้นั้น บัดนี้ ไม่อาจทำการป้องกันอะไรแก่เราได้ ความทุกข์อันนั้นแหละกลับมาสนอง เราแล้ว. [๗๑๖] พระนางอุพพรีอัครมเหสีของเรา มีพระฉวีวรรณงามดังทองคำ ลูบไล้ ตัวด้วยแก่นจันทน์แดง ย่อมงามเจริญตา เหมือนกับกิ่งไม้สิงคุอันขึ้น ตรงไป ไหวสะเทือนอยู่ ฉะนั้น เรามิได้เห็นพระนางอุพพรีแล้ว คงจัก ต้องตายเป็นแน่ การที่เราไม่ได้เห็นพระนางอุพพรีนั้น จักเป็นทุกข์ยิ่ง กว่ามรณทุกข์นี้อีก.จบ เวนสาขชาดกที่ ๓. ๔. อุรคชาดก เปรียบคนตายเหมือนงูลอกคราบ [๗๑๗] บุตรของข้าพเจ้า ละทิ้งร่างกายของตนไป ดุจงูละทิ้งคราบเก่าไป ฉะนั้น เมื่อร่างกายแห่งบุตรของข้าพเจ้าใช้อะไรไม่ได้ เมื่อบุตรของข้าพเจ้ากระทำ กาละไปแล้วอย่างนี้ บุตรของข้าพเจ้าถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา คติของตน มีอย่างใด เขาก็ย่อมไปสู่คติของตนอย่างนั้น. [๗๑๘] บุตรของดิฉันนี้ ดิฉันมิได้เชื้อเชิญให้เขามาจากปรโลก เขาก็มาเอง แม้เมื่อจะไปจากมนุษยโลกนี้ ดิฉันก็มิได้อนุญาตให้เขาไป เขามา อย่างใด เขาก็ไปอย่างนั้น การปริเทวนาถึงในการที่บุตรของดิฉันไปจาก มนุษยโลกนั้น จะเกิดประโยชน์อะไร บุตรของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึก ถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น. [๗๑๙] เมื่อพี่ชายตายแล้ว หากว่า ดิฉันจะพึงร้องไห้ ดิฉันก็จะผ่ายผอม เมื่อ ดิฉันร้องไห้อยู่ จะมีผลอะไร ความไม่ยินดีจะพึงมีแก่ญาติ มิตร และ สหายของดิฉันยิ่งขึ้น พี่ชายของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงพี่ชายนั้น คติของ ตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น. [๗๒๐] เด็กร้องไห้ขอพระจันทร์อันโคจรอยู่ในอากาศ ฉันใด การที่บุคคลมา เศร้าโศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมย ฉันนั้น สามีของดิฉัน ถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉัน จึงไม่เศร้าโศกถึงสามีนั้น คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตน อย่างนั้น. [๗๒๑] หม้อน้ำที่แตกแล้ว เชื่อมให้สนิทอีกไม่ได้ ฉันใด การที่บุคคลมาเศร้า โศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมย ฉันนั้น นายของดิฉันถูกเผา อยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ เศร้าโศกถึงนายนั้น คติของตนมีอย่างใด นายของดิฉันก็ไปสู่คติของ ตนอย่างนั้น.จบ อุรคชาดกที่ ๔. ![]()
๕. ธังกชาดก ว่าด้วยการร้องไห้ไม่มีประโยชน์ [๗๒๒] ชนเหล่าอื่น เศร้าโศกอยู่ ร้องไห้อยู่ ชนเหล่าอื่น มีชุ่มไปด้วยน้ำตา พระองค์เป็นผู้มีผิวพระพักตร์ผ่องใส ดูกรฆตราชา เพราะเหตุไร พระองค์ จึงไม่เศร้าโศก? [๗๒๓] ความเศร้าโศกหาได้นำสิ่งที่ล่วงไปแล้วมาได้ไม่ หาได้นำความสุขใน อนาคตมาได้ไม่ ดูกรธังกราชา เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงไม่เศร้าโศก ความเป็นสหายในความโศก ย่อมไม่มี. [๗๒๔] บุคคลเศร้าโศกอยู่ ย่อมเป็นผู้ผอมเหลือง และไม่พอใจบริโภค อาหาร เมื่อเขาถูกลูกศรคือความเศร้าโศกเสียบแทงแล้ว เร่าร้อนอยู่ ศัตรูทั้งหลาย ย่อมดีใจ. [๗๒๕] ความฉิบหายอันความเศร้าโศกเป็นมูล จักไม่มาถึงหม่อมฉันผู้อยู่ใน บ้านหรือในป่า ในที่ลุ่มหรือในที่ดอน หม่อมฉันเห็นบทฌานแล้ว อย่างนี้. [๗๒๖] ตนผู้เดียวเท่านั้น สามารถจะนำกามรสทั้งปวงมาให้ได้ สหายของพระ ราชาพระองค์ใด ไม่สามารถจะนำมาให้ได้ ถึงสมาบัติในแผ่นดินทั้งสิ้น ก็จักนำความสุขมาให้แก่พระราชาพระองค์นั้นไม่ได้.จบ ธังกชาดกที่ ๕. ๖. การันทิยชาดก ว่าด้วยการทำที่เหลือวิสัย [๗๒๗] ท่านผู้เดียวรีบร้อน ยกเอาก้อนหินใหญ่กลิ้งลงไปในซอกภูเขาในป่า ดูกรการันทิยะ จะเป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านด้วยการทิ้งก้อนหินลงใน ซอกเขานี้เล่าหนอ? [๗๒๘] ข้าพเจ้าเกลี่ยหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ลง จักกระทำแผ่นดินใหญ่นี้ซึ่งมี มหาสมุทรสี่เป็นขอบเขต ให้ราบเรียบเพียงดังฝ่ามือ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ทิ้งหินลงในซอกเขา. [๗๒๙] ดูกรการันทิยะ เราสำคัญว่า มนุษย์คนเดียว ย่อมไม่สามารถจะทำ แผ่นดินให้ราบเรียบดังฝ่ามือได้ ท่านพยายามจะทำซอกเขานี้ให้เต็มขึ้น ท่านก็จักละชีวโลกนี้ไปเสียเปล่าเป็นแน่. [๗๓๐] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ หากว่า มนุษย์คนเดียวไม่สามารถจะทำแผ่นดินใหญ่ นี้ให้ราบเรียบได้ ฉันใด ท่านก็จักนำมนุษย์เหล่านี้ผู้มีทิฏฐิต่างๆ กันมา ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน. [๗๓๑] ดูกรการันทิยะ ท่านได้บอกความจริงโดยย่อแก่เรา ข้อนั้น เป็น อย่างนี้ แผ่นดินนี้มนุษย์ไม่สามารถจะทำให้ราบเรียบได้ ฉันใด เราก็ไม่ อาจจะทำให้มนุษย์ทั้งหลายมาอยู่ในอำนาจของเราได้ ฉันนั้น.จบ การันทิยชาดกที่ ๖. ๗. ลฏุกิกชาดก คติของคนมีเวร [๗๓๒] ดิฉันขอไหว้พญาช้างผู้มีกำลังเสื่อมในกาลที่มีอายุได้หกสิบปีแล้ว ผู้อยู่ ในป่า เป็นเจ้าโขลง เพรียบพร้อมด้วยบริวารยศนั้น ดิฉันขอทำอัญชลี ท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อยๆ ของฉันผู้มีกำลังทุรพล เสียเลย. [๗๓๓] ดิฉันขอไหว้พญาช้างผู้เที่ยวไปเชือกเดียว ผู้อยู่ในป่า เที่ยวหาอาหาร กินตามเชิงภูเขา ดิฉันขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอท่านอย่าได้ ฆ่าลูกน้อยๆ ของดิฉันผู้มีกำลังทุรพลเสียเลย. [๗๓๔] แน่ะนางนกไส้ เราจะฆ่าลูกน้อยของเจ้าเสีย เจ้ามีกำลังน้อยจักทำ อะไรเราได้ เราจะขยี้นกไส้อย่างเจ้าตั้งแสนตัวให้ละเอียดไปด้วยเท้า ข้างซ้าย. [๗๓๕] กิจที่จะพึงทำด้วยกำลังกาย ย่อมสำเร็จในที่ทั้งปวง เพราะกำลังกายของ คนพาล ย่อมมีเพื่อฆ่าคนอื่น แน่ะพญาช้าง ผู้ใด ฆ่าลูกน้อยๆ ของเรา ผู้มีกำลังทุรพล เราจักทำสิ่งที่ไม่ใช่ความเจริญให้แก่ผู้นั้น. [๗๓๖] ท่านจงดูกา นางนกไส้ กบ และแมลงวันหัวเขียว สัตว์ทั้งสี่เหล่านี้ ได้ร่วมใจกันฆ่าช้างเสียได้ ท่านจงเห็นคติของคนมีเวรแก่คนมีเวร ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแล ท่านทั้งหลาย อย่าได้กระทำเวรกับใครๆ ถึง จะไม่เป็นที่รักใคร่กันเลย.จบ ลฏุกิกชาดกที่ ๗. ๘. จุลลธรรมปาลชาดก ความรักของแม่ที่มีต่อลูก [๗๓๗] หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดปล่อยธรรมปาล- กุมารนี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดมือของหม่อมฉันเถิด. [๗๓๘] หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดปล่อยธรรมปาลกุมาร นี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดเท้าของหม่อมฉันเถิด. [๗๓๙] หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดปล่อยธรรมปาลกุมาร นี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดศีรษะของหม่อมฉันเถิด. [๗๔๐] ใครๆ ผู้เป็นมิตร และอำมาตย์ของพระราชานี้ ที่มีใจดี คงจะไม่มีแน่ นอน ผู้ที่จะทูลห้ามพระราชาว่า อย่าทรงปลงพระชนม์พระราชบุตรซึ่ง เกิดแต่พระอุระเสียเลย ก็ไม่มี. [๗๔๑] ใครๆ ผู้เป็นมิตรและพระญาติของพระราชานี้ ที่มีใจดี คงจะไม่มีแน่ นอน ผู้ที่จะทูลห้ามพระราชาว่า อย่าทรงปลงพระชนม์พระราชบุตรที่ เกิดจากพระองค์เสียเลย ก็ไม่มี. [๗๔๒] แขนของธรรมปาลกุมารผู้เป็นทายาทแห่งแผ่นดิน อันลูบไล้ด้วยแก่น จันทน์แดง มาขาดไปเสีย ข้าแต่สมมติเทพ ชีวิตของหม่อมฉันก็คงจะ ดับไปจบ จุลลธรรมปาลชาดกที่ ๘. ๙. สุวรรณมิคชาดก ว่าด้วยเนื้อติดบ่วงนายพราน [๗๔๓] ข้าแต่เนื้อผู้มีกำลังมาก ท่านจงพยายามดึงบ่วงออก ข้าแต่ท่านผู้มี เท้าดุจทองคำ ท่านจงพยายามดึงบ่วงที่ติดแน่นให้ขาดเถิด ฉันผู้เดียวจะ ไม่พึงยินดีอยู่ในป่า. [๗๔๔] ฉันพยายามดึงอยู่ แต่ไม่สามารถจะทำบ่วงให้ขาดได้ ฉันเอาเท้าตะกุย แผ่นดินด้วยกำลังแรง บ่วงติดแน่นเหลือเกิน จึงครูดเอาเท้าของฉันเข้า. [๗๔๕] ข้าแต่นายพราน ท่านจงปูใบไม้ลง จงชักดาบออก จงฆ่าฉันเสียก่อน แล้วจึงฆ่าพญาเนื้อต่อภายหลัง. [๗๔๖] เราไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือได้เห็นเนื้อที่พูดภาษามนุษย์ได้ แนะนางผู้มี หน้าอันเจริญ ตัวท่าน และพญาเนื้อนี้จงเป็นสุขเถิด. [๗๔๗] ข้าแต่นายพราน วันนี้ ฉันเห็นพญาเนื้อหลุดพ้นมาได้แล้ว ย่อมชื่นชม ยินดี ฉันใด ขอให้ท่านพร้อมด้วยญาติทั้งมวลของท่าน จงชื่นชม ยินดี ฉันนั้น.จบ สุวรรณมิคชาดกที่ ๙. ๑๐. สุสันธีชาดก ว่าด้วยนางผิวหอม [๗๔๘] กลิ่นดอกไม้มิติระหอมฟุ้งไป น้ำทะเลคะนองใหญ่ พระนางสุสันธี อยู่ห่างไกลจากนครนี้ ข้าแต่พระเจ้าตัมพราช กามทั้งหลายเสียบแทงหัว ใจข้าพระบาทอยู่. [๗๔๙] ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านได้เห็นเกาะเสรุมได้อย่างไร ดูกรนาย อัคคะ ความสมาคมของนาง และท่าน ได้มีขึ้นอย่างไร? [๗๕๐] เมื่อพวกพ่อค้าผู้แสวงหาทรัพย์ ออกไปจากท่าชื่อภรุกัจฉะ พวกมังกร ทำให้เรือแตกแล้ว เราได้ลอยไปกับแผ่นกระดาน. [๗๕๑] พระนางสุสันธีมีกลิ่นพระกายหอมดุจแก่นจันทน์อยู่เป็นนิตย์ น่าดูน่าชม ทรงเห็นข้าพระบาทเข้าแล้ว ปลอบโยนด้วยวาจาอันอ่อนหวาน ได้ทรง อุ้มข้าพระบาทด้วยแขนทั้งสองเหมือนกับมารดา อุ้มบุตรผู้เกิดจากอก ฉะนั้น. [๗๕๒] พระนางผู้มีพระเนตรอ่อนหวาน ทรงบำรุงบำเรอข้าพระบาทด้วยข้าว น้ำ ผ้า ที่นอน และแม้ด้วยพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าตัมพราช ขอพระ องค์โปรดทรงทราบอย่างนี้เถิด.จบ สุสันธีชาดกที่ ๑๐.
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มณิกุณฑลชาดก
ป้ายกำกับ:
มณิกุณฑลชาดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น